- อิสสริยา พรายทองแย้ม
- บีบีซีไทย

ที่มาของภาพ, Clubhouse
หน้าแรกของบัญชี Clubhouse ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้ชื่อว่า Tony Woodsome
แอปพลิเคชันสนทนาผ่านเสียง Clubhouse (คลับเฮาส์) เพิ่งได้เห็นยอดผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปฯ ทั่วโลก เพิ่มจาก 3.5 ล้านราย แตะ 8.1 ล้านราย ในช่วงเวลาเพียงสองสัปดาห์ (1-16 ก.พ.) ตามการประเมินของApp Annie บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลแอปพลิเคชัน เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.พ. และยอดผู้สมัครใช้ในไทยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขนี้เติบโต
แอปฯ ที่ขณะนี้ใช้ได้เฉพาะหมู่คนใช้โทรศัทพ์มือถือไอโฟน และต้องได้รับ “คำเชิญ” จากคนที่ใช้แอปฯ อยู่แล้วเท่านั้นถึงจะเข้าไปใช้ได้ เป็นที่นิยมมากขึ้นทันทีหลังคนดังระดับโลกอย่างอีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ และมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก ลงทะเบียนเข้าใช้
ในไทย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ คนหลากกลุ่มในสังคมตั้งแต่พนักงานบริษัท สื่อมวลชน อินฟลูเอ็นเซอร์และนักการเมือง พากันสมัครใจใช้แอปฯ นี้ราวกับเกรงจะ “ตกเทรนด์” ซึ่งนั่นก็เปิดโอกาสให้พวกเขาได้พูดคุย แลกเปลี่ยนหรือฟังบทสนทนาหลากหัวข้อตั้งแต่ “สากกะเบือยันเรือรบ” ได้อย่างอิสระ
ยอดผู้ร่วมพูดคุยในแต่ละหัวข้อมีตั้งแต่หลักสิบถึงหลักพันขึ้นอยู่กับความร้อนแรงของหัวข้อและความสนใจของผู้ฟัง หากเรื่องไหนได้รับความนิยมมีคนเข้าร่วมเกินโควต้าที่กำหนด 7,000 คน เจ้าภาพที่มีแฟนคลับล้นหลามก็ต้องเปิดห้องใหม่รองรับคนที่รอเข้าร่วมอย่างกระวนกระวายใจ ถึงขั้นต้องใช้โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่น อย่างทวิตเตอร์ ช่วยเร่งให้เจ้าของหัวข้อสนทนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นเรื่อง “ต้องห้าม” เปิดห้องขยายจำนวนผู้ฟังโดยพลัน
ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักกิจกรรมที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับราชวงศ์ไทย และกำลังลี้ภัยอยู่ในญี่ปุ่น หยิบข้อมูลทำนองเดียวกับที่เขาเผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊ก กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง มาเป็นหัวข้อสนทนาเรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ฯ ให้คนได้ตั้งคำถามในสิ่งที่ไม่เคยได้พูดได้ถามอย่างเสรี ไม่น่าแปลกใจที่มีคนเข้าฟังและซักถามเรื่อง “กษัตริย์ภูมิพล สงครามเย็น กษัตริย์วชิราลงกรณ์” หัวข้อสนทนาเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.พ. ถึง 3 หมื่นคน เพิ่มจากยอดผู้ฟังเรื่องเกี่ยวกับสถาบันฯ ที่เขาพูดคุยในช่วงต้นสัปดาห์ถึงหนึ่งเท่าตัว ดร.ปวิน โพสต์ยอดตัวเลขนี้ทางหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อขอบคุณผู้ติดตาม
นักการเมืองใช้คลับเฮาส์ไม่ต้องพึ่งสื่อ
เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ประกาศทางทวิตเตอร์ ว่าเขาสมัครเข้าใช้แอปฯ คลับเฮาส์ แล้ว พอถึงวันศุกร์ปลายสัปดาห์ วันเดียวกับที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โชว์ “ตั๋วช้าง” ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยอดผู้ติดตามนายธนาธรทางคลับเฮาส์พุ่งกระฉูดเกิน 150,000 คน และในสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นเป็น 212,000 คนแล้ว หลังจากเขาและนายรังสิมันต์ เปิดห้องคุยเรื่องตำรวจที่ถูกธำรงวินัย โดยที่บรรยากาศในการพูดคุยฟังดูคล้ายรายการวิทยุที่เปิดให้นักการเมืองได้พบประชาชน เพียงแต่งานนี้นายธนาธรคือผู้ดำเนินรายการเอง คลับเฮาส์ได้กันคนทำงานสื่อสารมวลชนออกจากการเป็นสื่อกลางไปโดยสิ้นเชิง
นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ บรรณาธิการบริหาร WorkpointTODAY มองการเข้ามาของคลับเฮาส์ว่าทำให้ “ความอับเฉา” ของคนในแวดวงสื่อสารมวลชนยิ่งชัดเจน ทั้งจากการที่คนทำงานสื่อไม่อาจตอบสนองจิตวิญญาณตัวเองได้ด้วยข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างองค์กรและทุน อีกประเด็นสำคัญคือแหล่งข่าวที่เคยต้องพึ่งสื่อมวลชน ถึงวันนี้ไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว
“ธนาธร กับ โรม (รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล) ก็สามารถเปิดห้อง Clubhouse ที่มีคนฟังมากกว่าห้องที่นักข่าวเปิด เพราะตัวนักการเมืองเองนั้นก็มีผู้ติดตาม ในอีกความหมายหนึ่งคือพวกเขาก็เป็น Influencer ในตัวเองอยู่แล้ว” นภพัฒน์จักษ์ พ้อทางหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง ยังไงก็ตาม เขามองว่าห้องพูดคุยในรูปแบบนี้น่าจะเป็นผลดีกับบรรยากาศทางการเมืองและดึงบทสนทนาที่เคยอยู่ในพื้นที่คอมเมนต์ทางเฟซบุ๊กออกมาคุยกันอย่างจริงจัง “คนที่เคยมีแต่ความคิดทางการเมืองเก็บอยู่ในหัว ได้ดึงมันออกมาใช้สื่อสารทางเสียงกันจริง ๆ”
แม้สื่อออนไลน์ในไทยบางรายจะเริ่มใช้คลับเฮาส์เป็นช่องทางเสนอรายการประเภทคุยข่าวบ้างแล้ว แต่สื่อที่ถูกมองได้ว่าเป็นสายอนุรักษ์ในไทย ส่วนใหญ่ยังคงใช้โซเชียลมีเดียเดิม ๆ เช่น เฟซบุ๊ก และทีวีดาวเทียม เข้าถึงผู้ชม
ดีอีเอสเตือนอย่าล้ำเส้น
ในเชิงเทคนิคแล้วแอปฯ คลับเฮาส์มีมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง เนื่องจากไม่มีทางเลือกให้คนอัดเสียงบทสนทนาเอาไว้ได้ แต่ในต่างประเทศก็มีกรณีที่มีคนแอบอัดเสียงสนทนาของคนดัง แล้วเอาไปอัปโหลดลงยูทิวบ์ในภายหลัง การกระทำในลักษณะแบบนี้ยังไม่เผยให้เห็นในไทย แม้สิ่งนี้อาจถูกใช้เป็นหลักฐานเอาผิดได้หากเรื่องราวที่พูดคุยเข้าข่ายว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกมาระบุ
ที่มาของภาพ, THAI NEWS PIX
ดร.ปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์
ดีอีเอสประกาศว่าได้เริ่มติดตามการใช้งานแอปฯ นี้แล้ว และเตือนไม่ให้ผู้ใช้แอปฯ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และสร้างความเสียหาย ซึ่งจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2563 และกฎหมายอื่น ๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเดียวกับที่ได้ตรวจสอบการใช้งานโซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มอื่น ๆ มาแล้ว
แต่ดูเหมือนคำเตือนแกมขู่นี้จะไม่อาจหยุดยั้งความรู้สึกอิสระเสรีในการตั้งคำถามในห้องพูดคุยเรื่องล่อแหลมหลายเรื่อง ในบางห้องผู้ร่วมสนทนาพูดพาดพิงผู้ที่เชื่อว่าอาจเป็นหน่วยปฏิบัติการข่าวสารหรือไอโอของฝ่ายทางการที่แฝงตัวมาในหมู่คนฟังอย่างท้าทาย แต่ในเวลาเดียวกันก็เตือนผู้พูดคุยด้วยกันเองให้พึงระลึกว่า”กำแพงมีหูประตูมีช่อง”
คนในจีนมีโอกาสได้ใช้แอปฯ นี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ พูดคุยกันถึง “เรื่องต้องห้าม” อย่างเรื่องชาวอุยกูร์ในซินเจียง การปราบปรามผู้ประท้วงฮ่องกง หรือความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีน ตอนนี้ทางการจีนก็สั่งห้ามใช้แอปฯ นี้แล้ว และนี่คือข้อกังวลของผู้ใช้แอปฯ คลับเฮาส์ในไทย
เชื่อไทยไม่แบนคลับเฮาส์เหมือนจีน
แต่ ดร.ปวิน ซึ่งมีผู้ติดตามในคลับเฮาส์กว่า 241,000 คน บอกกับผู้ฟังในห้องพูดคุยของเขาว่าไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะเชื่อว่าไทยนั้นไม่เหมือนจีน “เราใช้ชีวิตเราต่อไป เข้ามาสนุกสนานในคลับเฮาส์ แต่คนที่กังวลก็ต้องเตือนตัวเองให้ระมัดระวังในเรื่องที่เราพูดไม่ล้ำเส้น และตกเป็นปัญหา ก็คิดว่ายูโอเค”
ที่มาของภาพ, THAI NEWS PIX
นอกจากการอภิปรายในสภาฯ แล้ว รังสิมันต์ ยังนำเนื้อหามาคุยต่อในคลับเฮาส์
ดร.ปวิน บอกบีบีซีไทยว่าในกลุ่มสนทนาที่เขาสร้างขึ้นนั้นมีผู้ฟังหลายคนที่เป็นฝ่ายตรงข้าม และไอโอ ซึ่งได้รับการเชื้อเชิญให้แลกเปลี่ยนความเห็นอย่างมีอารยะ ให้บอกสิ่งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย “เขาเลือกที่จะไม่ตอบเราในจุดนี้ แต่เราพร้อมเสมอสำหรับการสนทนาที่ทั้งสองฝ่ายได้ถกเถียงกันอย่างเปิดกว้างตรงไปตรงมา”
ประเด็นหนึ่งที่ผู้สนทนาเรื่องการเมืองในคลับเฮาส์หลายห้องวิเคราะห์ไปในทำนองเดียวกันคือว่าหากทางการไทยจะยื่นมือเข้ามาจัดการกับแอปฯ นี้ ก็น่าจะเป็นด้วยเหตุผลที่ว่า ห้องสนทนาเรื่องการเมืองหรือแม้แต่เรื่องของสถาบันฯ ได้เปิดโอกาสให้คนที่เห็นไม่ตรงกันได้มีพื้นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลและพูดคุยกันอย่างเปิดอก
เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ (PNAS) เพิ่งจะเผยแพร่งานวิจัยที่ชี้ว่า ผู้คนจะเคารพความเห็นทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามมากกว่า หากเป็นการโต้แย้งด้วยเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง
ดร. เคิร์ต เกรย์ นักจิตวิทยาและผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อความเข้าใจทางศีลธรรม ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาของสหรัฐฯ บอกว่า “สำหรับการถกเถียงเรื่องอะไรถูกอะไรผิดทางการเมืองแล้ว ประสบการณ์ตรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์เรื่องที่ถูกกดขี่ข่มเหง ฟังดูเป็นเรื่องจริงและเชื่อถือได้กับฝ่ายตรงข้ามมากเสียยิ่งกว่าการอ้างข้อเท็จจริง”
การที่คนซึ่งมีความเห็นต่างขั้วนำเรื่องเล่าของตัวเองมานำเสนอ และเปิดทางให้ปรับความเข้าใจกันได้ จะเป็นผลดีของคลับเฮาส์ที่ทำให้ทางการไทยอาจหวาดกลัวจนถึงขั้นสั่งห้ามหรือไม่ เป็นเรื่องที่ยังต้องเฝ้ารอดูต่อไป
แต่ในขณะที่แอปฯ นี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีความกังวลมากขึ้นเช่นกัน มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีมาตรการควบคุมผู้เข้าร่วมบทสนทนา เมื่อเดือน ธ.ค. เครก เจนกินส์ นักเขียนและนักวิจารณ์ เขียนบทความลงในเว็บไซต์วัลเชอร์ (Vulture) ว่า หากผู้ที่สร้างกลุ่มและคอยควบคุมบทสนทนาไม่ระวัง การพูดคุยก็อาจกลายเป็นการโจมตีกันและกันได้
ที่มาของภาพ, นริน อรุโรทยานนท์
นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ชี้ว่าคลับเฮาส์สะท้อนภาพความ “อับเฉา” ของสื่อสารมวลชนชัดเจนขึ้น
ขณะที่นภพัฒน์จักษ์ บรรณาธิการบริหาร WorkpointTODAY ให้ข้อมูลว่าเริ่มสังเกตเห็นกลุ่มที่มองได้ว่าเป็นสายอนุรักษ์นิยมในคลับเฮาส์บ้างแล้ว เช่น กลุ่ม “ประโยชน์ของข่าวราชสำนัก” หรือ “มาส่งพลังบวกให้แก่กันและกัน” แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่คิดว่าคลับเฮาส์จะเป็นพื้นที่ที่ทำให้คนทะเลาะกันน่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองมากกว่า และเขาเห็นด้วยว่าผู้ควบคุมบทสนทนาคือหัวใจสำคัญที่จะชี้นำทิศทางการแสดงความเห็น
สำหรับคนทั่วไปแล้วห้องสนทนาในคลับเฮาส์ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่พูดคุยเรื่องการเมืองเท่านั้น ผู้ใช้แอปฯ หลายคนโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่าห้องสนทนาเหล่านี้คือแหล่งความรู้มหาศาล หากเลือกฟังหรือเข้าร่วมในหัวข้อที่ตัวเองสนใจ บางคนบอกว่ารู้สึกอายที่เป็นเพียงฝ่ายตักตวงข้อมูลเหล่านั้นโดยไม่มีความรู้ไปแลกเปลี่ยนบ้างเลย
ทักษิณ โผล่ Clubhouse ในนาม Tony Woodsome
ตั้งแต่ 21.00 น. ของวันที่ 22 ก.พ. ผู้ใช้ Clubhouse ในไทย เปิดห้อง “ไทยรักไทย ใครเกิดทัน มากองกันตรงเน้!” สนทนา โดยมีภาพของ นายทักษิณ ชินวัตร ภายใต้ชื่อ Tony Woodsome ร่วมสนทนาด้วย จำนวนผู้ร่วมฟังในห้องนี้เพิ่มเป็น 8 พันคน ณ เวลา 21.52 น. และมีการเปิดห้องเพิ่มในชื่อ “เสด็จพ่อทักษิณ ห้อง 2” ในเวลาราว 14.40 น. แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 7.9 พันคน ในเวลาเพียง 15 นาที
ผู้ร่วมพูดคุยคนอื่น ๆ ประกอบด้วยอดีตรัฐมนตรีหลายคนในคณะรัฐบาลทักษิณ เช่น นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ โดยมี นายธีรัตถ์ รัตนเสวี อดีตโฆษกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ดำเนินรายการ
เนื้อหาของการพูดคุยเกี่ยวข้องกับที่มา แนวคิด และการนำนโยบายที่เป็นที่นิยมในอดีตไปใช้ เช่น “30 บาท รักษาทุกโรค” “หวยบนดิน” “โอทอป” เป็นต้น
ในช่วงหนึ่งผู้ร่วมรับฟังถามนายทักษิณ เรื่องการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ 2 เหตุการณ์เมื่อปี 2547 คือ เหตุการณ์ล้อมปราบชาวมุสลิมที่มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2547 และการสลายการชุมนุมในเหตุการณ์ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันเกือบ 120 คน นายทักษิณตอบว่าเป็นเรื่องของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และเขาจำเหตุการณ์ไม่ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทยสอบถามความเห็นของอดีตนายกฯ กรณีความเห็นต่างของคนในสังคมไทยกรณี มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ว่าเขาจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร หากเป็นนายกฯในปัจจุบัน เขาตอบว่า เขาอยู่ไกลประเทศไทย ไม่เข้าใจรายละเอียดของสถานการณ์ในประเทศได้ดีพอ จึงไม่ขอตอบคำถามนี้
ทำไมต้องเป็น Tony Woodsome
ก่อนหน้านี้ มีผู้ฟังถามว่า ทำไมต้องใช้ชื่อ Tony Woodsome นายทักษิณตอบว่า เขาได้ชื่อนี้จากการมาเรียนปริญญาโท-เอกในสหรัฐอเมริกา อาจารย์ที่สอนเขาอยู่ “บ้านนอก” ไม่สามารถออกชื่อ “ทักษิณ” ได้ จึงเรียกเขาว่า “โทนี”
เขาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ในสาขากระบวนการยุติธรรม ที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเคนทักกี สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2518 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตต เมื่อปี พ.ศ. 2521
เขาไม่ได้บอกถึงความเป็นมาของนามสกุล Woodsome จากการสืบค้นของบีบีซีไทยพบว่า Woodsome Manor เป็นชื่อของอาคารที่พัก-สำนักงานที่นายทักษิณใช้เป็นที่อยู่ในการจดทะเบียนธุรกิจ ย่านเซอร์เรย์ ใกล้กรุงลอนดอน
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทยรายงานว่า ณ เวลา 22.55 น. มีคนฟัง Tony Woodsome ใน #ClubhouseTH รวมกว่า 5 หมื่นคน แบ่งเป็น ตามห้องต่าง ๆ คือ
- “ไทยรักไทย” ใครเกิดทัน มากองกันตรงเน้!” จำนวน 8,000 คน
- เสด็จพ่อทักษิณ ห้อง 2 จำนวน 8,000 คน
- ห้องถ่ายทอดเสียง “ไทยรักไทย” 2 จำนวน 7,900 คน
- ห้องเสียง “ไทยรักไทย” ใครเกิดทัน มากองกันตรงเน้!” จำนวน 7,900 คน
- ทักษิณ มา Clubhouse แว้ววววว… จำนวน 8,000 คน
- ห้องเสียง คุณพ่อ (เข้าไม่ทันท่งนี้) จำนวน 1,800 คน
- ห้องเสียง ทักษิณ จำนวน 467 คน
- ห้องทักษิณ ไทยรักไทย ใครเกิดทัน 4,800 คน
- ห้อง 3 มีจำนวน 59 คน
การสนทนาจบลงในเวลา 23.30 น. ผู้จัดประกาศว่า มีจำนวนห้องสนทนาและที่เปิดเชื่อมต่อสัญญาณรวมทั้งหมด 9 ห้อง มีผู้ฟังเกือบแสน ทำลายที่สถิติที่ ดร.ปวินทำไว้



