- กุลธิดา สามะพุทธิ
- ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
ที่มาของภาพ, YouTube/Diaspora Patani
กองเลขาธิการการเจรจาของบีอาร์เอ็นอ่านแถลงการณ์ทางยูทิวบ์ เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ก.พ.
เดือน ก.พ. 2564 มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานีหรือบีอาร์เอ็น กลุ่มมาราปาตานี รวมทั้งคณะเจรจาของทางการไทย เกี่ยวกับกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ที่หยุดชะงักไปเกือบปีตั้งแต่ต้นปีที่แล้วเพราะการระบาดของโควิด-19 ซึ่งนักวิชาการที่ติดตามการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมองว่ากระบวนการพูดคุยฯ กำลังเป็นไปในทิศทางบวก
คืนวันที่ 15 ก.พ. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กองเลขาธิการการเจรจาของบีอาร์เอ็น (Barisan Revolusi Nasional – BRN) เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาวกว่า 8 นาทีทางยูทิวบ์ซึ่งเป็นแถลงการณ์ในโอกาสครบรอบ 1 ปีของกระบวนการพูดคุยสันติสุขระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทย ชี้แจงท่าทีและความคืบหน้าการเจรจาในช่วงที่ผ่านมา แสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมการพูดคุยอย่างเป็นทางการในครั้งต่อไป และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนับสนุนการเจรจานี้เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่
ฮารา ชินทาโร นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามลายูได้แปลเนื้อหาแถลงการณ์บีอาร์เอ็นเป็นภาษาไทย ดังนี้
1.ขอขอบคุณรัฐบาลมาเลเซียอย่างสูงในการอำนวยความสะดวกให้แก่การเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานีกับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะตัน สรี อับดุล ราฮิม บิน โมฮัมหมัด นูร์ที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก ทุ่มเทและทำงานหนักเพื่อให้กระบวนการสันติภาพครั้งนี้ดำเนินด้วยดีและประสบความสำเร็จ บีอาร์เอ็นขอขอบคุณรัฐบาลไทยด้วย โดยเฉพาะคณะเจรจาที่นำโดย พล.อ. วัลลภ รักเสนาะ และขอกล่าวคำขอบคุณต่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่มีส่วนร่วมในการเจรจาระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยตลอดมา และขอขอบคุณอย่างสูงต่อสมาชิกของสังคมปาตานีที่ให้การสนับสนุนกับการเจรจาครั้งนี้ ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
2. การเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทย ได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2020 และมีการประชุมครั้งที่สองเมื่อวันที่ 2-3 มี.ค. 2020 ที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย แต่หลังจากนั้นการประชุมแบบพบหน้ากันต้องเลื่อนไปเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 มีการปิดชายแดนของประเทศต่าง ๆ ถึงแม้ว่าฝ่ายผู้อำนวยความสะดวกพยายามจัดการประชุมครั้งที่สาม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ที่มาของภาพ, Khairul Azam Sahmad
พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะไทย (ซ้าย) จับมือกับ ตัน สรี อับดุล ราฮิม บิน โมฮัมหมัด นูร์ (กลาง) ผู้อำนวยความสะดวกจากมาเลเซีย และ นายอนัส อับดุลเราะห์มาน เป็นหัวหน้าคณะบีอาร์เอ็น (ขวา)
3. ถึงแม้ว่าการประชุมแบบปกติไม่สามารถดำเนินได้ แต่บีอาร์เอ็นและรัฐบาลไทยมีความทุ่มเทในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายจึงส่งข้อความและจดหมายกันโดยมีกองเลขาธิการผู้อำนวยความสะดวกเป็นคนกลาง และได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับประเด็นที่สำคัญ เช่น การรับฟังความเห็นของประชาชน และความคุ้มกันทางกฎหมาย (immunity) สำหรับตัวแทนของบีอาร์เอ็น
4. เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2020 บีอาร์เอ็นได้ประกาศการยุติปฏิบัติการทั้งหมดเพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพ และยังเป็นการตอบรับต่อคำร้องขอจากเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส ที่เรียกร้องการหยุดยิงทั่วโลกเพื่อทุมเทพลังต่อต้านโลกโควิด-19 และให้ช่องทางแก่เจ้าหน้าที่และหน่วยงานสาธารณสุขที่ทำงานในพื้นที่เพื่อป้องกันและควบคุมโควิด-19
5. เมื่อต้นปี 2021 บีอาร์เอ็นและรัฐบาลไทยเห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้อำนวยความสะดวกเพื่อดำเนินการพูดคุยต่อในระดับทีมเทคนิคทางออนไลน์ และได้จัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกลเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาเรื่องเตรียมการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 ซึ่งในการประชุมดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนประเด็นต่าง ๆ เช่น
- การแก้ไขความขัดแย้งที่ปาตานีโดยวิธีการทางการเมืองหรือการบริหารการปกครองที่สอดคล้องกับความใฝฝันของประชาชนปาตานี
- การลดปฏิบัติการทางการทหาร
- การมีส่วนร่วมขององค์กรภาคประชาสังคม เอ็นจีโอ บุคคลสำคัญทางด้านศาสนา การเมือง และสังคมในการเจรจา อย่างสอดคล้องกับแนวคิดการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย (inclusivity) ที่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อให้มีการพูดคุยอย่างสมบูรณ์แบบ ฝ่ายกองเลขาธิการผู้อำนวยความสะดวกจะจัดการประชุมระดับทีมเทคนิคครั้งที่สองในเวลาอีกไม่นาน
ทั้งหมดนี้เป็นประเด็นที่พวกเราต้องการสื่อสารโดยสังเขป ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจ ใส่ใจ และให้การสนับสนุนเพื่อให้กระบวนการเจรจาครั้งนี้สามารถแก้ไขความขัดแย้งที่ปาตานีได้อย่างมีศักดิ์ศรีต่อทุกฝ่าย โดยมีแนวทางแก้ไขอย่างสันติ ครอบคลุม ที่สามารถให้เกิดสันติภาพอย่างแท้จริงและรักษาศักดิ์ศรีของชาวปาตานี
ที่มาของภาพ, MADAREE TOHLALA
เจ้าหน้าที่ยืนคุ้มกันที่เกิดเหตุหลังมือปืนยิงทหารเกษียณอายุราชการเสียชีวิตใน จ. นราธิวาส เมื่อ ต.ค. 2563 แม้เหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้น แต่ก็มีแนวโน้มลดลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้
แถลงการณ์วันที่ 15 ก.พ. ของบีอาร์เอ็นมีขึ้น 2 สัปดาห์หลังจากการหารือระหว่างผู้แทนคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับบีอาร์เอ็นเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะพูดคุยฯ ที่มี พล.อ. วัลลภ รักเสนาะเป็นประธาน ได้เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันถึงสารัตถะสำหรับการพูดคุยครั้งต่อไปซึ่งได้แก่ การลดความรุนแรง และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
“การพูดคุยครั้งนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของทั้งสองฝ่าย เพื่อรักษาความต่อเนื่องของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้…ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องให้มีการปรึกษาหารือร่วมกันผ่านระบบการประชุมทางไกลอย่างสม่ำเสมอ” คณะพูดคุยฯ ระบุ
มาราปาตานี: “เปิดทางให้ไทย-บีอาร์เอ็นคุยกันไปก่อน”
รัฐบาลไทยแทบทุกยุคพยายามเปิดการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวเฉพาะรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในยุคเริ่มต้นเป็นการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับ “มาราปาตานี” องค์กรร่มของฝ่ายขบวนการปลดแอกเอกราชปาตานี
นับตั้งแต่ปี 2558 ทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยกันหลายครั้ง แต่การเจรจาก็ไม่มีความคืบหน้ามากนัก พร้อมกับมีการตั้งคำถามว่ามาราปาตานีเป็นตัวแทนที่แท้จริงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต่าง ๆ รวมทั้งบีอาร์เอ็นจริงหรือไม่ ขณะที่ฝ่ายบีอาร์เอ็น ซึ่งเป็นกองกำลังหลักที่ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับตั้งแต่ปี 2547 แสดงความประสงค์ที่จะเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลไทยโดยตรง
จนกระทั่งในปี 2562 พล.อ. วัลลภ อดีตเลขา สมช. เปิดเผยหลังจากรับตำแหน่งหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าฝ่ายไทยได้เชิญบีอาร์เอ็นมาเป็นแกนนำในการเจรจา ทำให้การพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้เป็นการพูดคุยระหว่างรัฐบาลไทยและบีอาร์เอ็น การพบปะกันครั้งแรกมีขึ้นมาเลเซียเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2563
ที่มาของภาพ, Jonathan Head
พล.อ. วัลลภ รักเสนาะ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้
ผ่านไปกว่า 1 ปีหลังการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างคณะของ พล.อ.วัลลภกับผู้แทนบีอาร์เอ็นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ประกอบกับแถลงการณ์ล่าสุดของบีอาร์เอ็นที่ออกมาเมื่อวันที่ 15 ก.พ. มาราปาตานีซึ่งเคยเป็นผู้นำในการเจรจากับรัฐบาลไทยมาก่อนมีความเห็นและมีท่าทีต่อการพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ระหว่างทางการไทยกับบีอาร์เอ็นอย่างไร
นายอาบูฮาฟิส อัลฮากิม โฆษกมาราปาตานี ให้ความเห็นกับบีบีซีไทยว่าการเจรจายังอยู่ในระยะเริ่มต้น และเขาคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกนับปีกว่าที่ทางการไทยกับบีอาร์เอ็นจะสร้างความไว้วางใจกันได้มากพอที่หยิบยกประเด็นเนื้อหาสาระสำคัญมาหารือกัน
นายอาบูฮาฟิสกล่าวว่ามาราปาตานีได้ “ผ่านขั้นตอนนี้มาแล้ว” ในช่วงที่เป็นองค์กรนำในการเจรจากับรัฐบาลไทย และยืนยันว่ามาราปาตานียังอยู่ในกระบวนการพูดคุย
เขาเปิดเผยด้วยว่ามาราปาตานีและบีอาร์เอ็น “มีการสื่อสารภายในกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการทำงานร่วมกันในกระบวนการเจรจาที่จะเกิดขึ้นต่อไป”
ก่อนหน้านี้ นายอาบูฮาฟิสได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแสดงท่าทีต่อการพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็นว่า “เสมือนเป็นการนับหนึ่งใหม่ วกวนอยู่กับที่ ทั้ง ๆ ที่ได้เคยคุยมาแล้ว (ตั้งแต่) ปี 2013 ทำให้มีคำถามว่ารัฐไทยใฝ่หาสันติภาพ/สันติสุขจริงหรือไม่”
“รอบที่แล้ว (ไทย-มาราปาตานี) ถึงจุดที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัย (safety zones) แต่ติดอยู่กับปัญหาการลงนาม จึงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ รอบนี้ไทยกับ BRN น่าจะเริ่มที่การพิจารณาหยุดยิง(cease-fire/cessation of hostilities) ให้ได้ก่อน แล้วจะได้เริ่มคุยเรื่องสาระสำคัญ (substantive issues) จึงถือว่าได้มีการสานต่อ และคืบหน้า” เขาให้ความเห็น
โฆษกมาราปาตานีสรุปท่าทีต่อการเจรจาว่า “มาราฯ จะเปิดทางให้ ไทย-BRN คุยกันไปก่อน เมื่อถึงเวลาอันควร ถึงจุดที่จะต้องคุยเรื่อง substantive issues มาราฯ ก็จะร่วมโต๊ะอีกครั้ง ในฐานะที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพูดคุย ยังเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเพื่อให้สอดคล้องกับการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย”
“ทิศทางบวก”
รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช นักวิจัยอิสระด้านการจัดการความขัดแย้ง วิเคราะห์ท่าทีล่าสุดของบีอาร์เอ็นที่ปรากฏในแถลงการณ์ว่าเป็นไปในทิศทางบวก แต่ยังต้องจับตาดูต่อไปว่าคำมั่นทั้งหลายที่บีอาร์เอ็นกล่าวนั้นจะแปลเป็นการกระทำหรือไม่
รุ่งรวีมองว่าขณะนี้ปัญหาหลักที่เป็นอุปสรรคของกระบวนการเจรจามาโดยตลอดได้ลดลงบ้างแล้ว นั่นคือ หนึ่ง-ปัญหาเรื่อง”ความเป็นตัวแทนที่แท้จริง” ของผู้นำการเจรจาของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ และสอง-ปัญหาเรื่องความกลัวของรัฐบาลไทยในเรื่องการยกระดับให้ความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่สากล ส่งผลให้ฝ่ายไทยปฏิเสธข้อเสนอของบีอาร์เอ็นที่ต้องการให้มีผู้สังเกตการณ์นานาชาติเข้ามาร่วมในกระบวนการพูดคุย
“ปัญหาเรื่องความเป็นตัวแทนลดลงหลังจากที่บีอาร์เอ็นออกมาประกาศว่าจะพูดคุยกับรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ขณะที่รัฐบาลไทยก็มีท่าทีที่อ่อนลงในเรื่องผู้สังเกตการณ์นานาชาติ เห็นได้จากการยินยอมให้ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเข้ามาสังเกตการณ์ โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลเหล่านั้นต้องมาในนามส่วนตัวและไม่ได้เป็นตัวแทนขององค์กรระหว่างประเทศใด ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการประนีประนอมของทั้งสองฝ่าย” รุ่งรวีกล่าว
อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าขณะนี้รัฐบาลไทยอาจจะเห็นเรื่องการพูดคุยสันติสุขฯ เป็นประเด็นรอง เมื่อเทียบกับการต้องรับมือกับการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ลำดับเหตุการณ์ “พูดคุยสันติภาพจังหวัดชายแดนใต้”
2547: เหตุการณ์ปล้นปืนครั้งใหญ่ 413 กระบอก จากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อ 4 ม.ค. 2547 ถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา รัฐบาลไทยทุกยุค พยายามเปิดการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
ส.ค. 2558: มาราปาตานี องค์กรร่มของฝ่ายขบวนการปลดแอกเอกราชปาตานี (Majlis Syura Patani: MARA Patani) เปิดตัวกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ทางการไทยเคยอธิบายว่ามาราปาตานีถือเป็นองค์กรร่มของกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ 6 กลุ่ม ได้แก่ 3 กลุ่มย่อยขององค์กรปลดปล่อยสหปัตตานี (PULO ) กลุ่มแนวร่วมปลดแอกอิสลามปัตตานี (BIPP) ขบวนการมูจาฮีดินอิสลามปัตตานี (GMIP) และบีอาร์เอ็น แต่ในภายหลัง PULO-P4 ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของ PULO ได้ถอนตัวออกไป
ที่มาของภาพ, TUWAEDANIYA MERINGING
บีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์เมื่อเดือน เม.ย. 2563 หยุดปฏิบัติการทั้งหมดในช่วงโควิด-19
เม.ย. 2560: ขบวนการบีอาร์เอ็นประกาศไม่มีส่วนร่วมในกลุ่มมาราปาตานีที่กำลังพูดคุยหาแนวทางสันติภาพกับทางการไทย แต่ต้องการเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลไทยโดยมีประชาคมโลกร่วมสังเกตการณ์
ต.ค. 2562: พล.อ.วัลลภ รักเสนาะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้หลังเกษียณอายุราชการในตำแหน่งเลขาธิการ สมช. เขากล่าวในงานเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเชิญบีอาร์เอ็นมาเป็นแกนนำในการเจรจา
20 ม.ค. 2563: คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขชายแดนภาคใต้ กับผู้แทนของบีอาร์เอ็นพบกันเป็นครั้งแรก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นับเป็นการเป็นการเปิดเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็น
2-3 มี.ค. 2563: การเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ระหว่างทางการไทยกับบีอาร์เอ็น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
3 เม.ย. 2563: บีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์หยุดกิจกรรมความเคลื่อนไหวทั้งหมดของกลุ่มลงชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขได้ปฏิบัติงานในช่วงที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่ระบาด แถลงการณ์ระบุว่าบีอาร์เอ็นไม่ต้องการ “ซ้ำเติม” ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ต้องเผชิญกับปัญหาความไม่สงบ และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปพร้อม ๆ กัน
3 ก.พ. 2564: คณะทำงานทางเทคนิคของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ประชุมทางไกลร่วมกับผู้แทนของบีอาร์เอ็น โดยมีตันสรี อับดุล ราฮิม บิน โมฮัมหมัด นูร์ เป็นผู้อำนวยความสะดวก ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะปรึกษาหารือกันอย่างสม่ำเสมอ
15 ก.พ. 2564: บีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์ทางยูทิวบ์ แสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมการพูดคุยกับทางการไทยต่อ ทั้งการประชุมด้านเทคนิค และการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้