กูเฮง เยาอหะฮัน ส.ส.มุสลิม พรรคประชาชาติ อภิปรายในรัฐสภา วิจารณ์รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-กฎอัยการศึก ซ้ำเติมคนชายแดนใต้ ไม่เคยสนใจปากท้อง ปชช. พร้อมย้ำที่รัฐบาลไม่เคยแก้ปัญหาได้ เพราะไม่ลงมาสัมผัสในพื้นที่ เอาแต่ฟังอยู่บนหอคอยงาช้าง
กูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.มุสลิม จากพรรคประชาชาติ
18 ก.พ. 65 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 โดยกูเฮง เยาอหะฮัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ชาวมุสลิม พรรคประชาชาติ ขึ้นอภิปรายถึงปัญหาคุณภาพชีวิตที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายล้าหลังในชายแดนใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
กฎหมายล้า-รัฐไม่สนใจคุณภาพชีวิต ปชช.
ส.ส.พรรคประชาชาติ เผยว่า ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นที่ชายแดนใต้ มีสาเหตสำคัญมาจากการใช้กฎหมายที่ความล้าหลัง และไม่เป็นหลักสากล คือ ประกาศกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ทั้ง 2 กฎหมายส่งผลให้เกิดความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายใต้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง เป็นตัวขัดขวางกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนชายแดนใต้ตกต่ำที่สุดในประเทศ
เมื่อไม่มีเงิน ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือการศึกษาของประชาชน 3 จังหวัดชายใต้ตกต่ำที่สุดในประเทศ เนื่องจากคนไม่มีไปจ่ายค่าเล่าเรียน เพื่อการศึกษา และเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แทนที่จะเอาไปเป็นสวัสดิการของรัฐที่ทำให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการศึกษาอย่างเท่าเทียม กลายเป็นกองทุนที่นักเรียนต้องชดใช้ด้วยชีวิต หลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงินจ่ายต้องติดตาราง ใช้ชีวิตชดใช้เพื่อจ่ายเงิน กยศ.
นอกจากนี้ กูเฮง ขอตำหนิไปยังกระทรวงมหาดไทยที่ใช้อำนาจบังคับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ไปบังคับนายอำเภอ และผู้นำศาสนา ข่มขู่ว่าจะไม่ให้ค่าตอบแทน ถ้าไม่บังคับให้คนมาฉีดวัคซีนโควิด-19
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตลอดจนกระทั่งปี 2564-2565 ก็ยังเกิด สัตว์เลี้ยงติดโรค พืชเศรษฐกิจหลังของสามชายแดนใต้โดยเฉพาะต้นยางพารา ติดโรคใบยางร่วง รัฐบาลเคยช่วยแก้ปัญหาไหม ก็ไม่รวมถึงการสนับสนุนเรื่องข้าวกลางวันนักเรียนเล็กขอไป 3 ปี ยังคงไร้ความคืบหน้า
ขาดความจริงใจแก้ปัญหา
กูเฮง มองว่า สาเหตุที่ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่เคยได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะนายกรัฐมนตรีไม่เคยลงพื้นที่ด้วยตัวเองเอาแต่ฟังรายงานสวยหรูจากหอคอยงาช้าง
“2 ครั้งที่นายกฯ เดินทางไปที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จำได้ว่าครั้งแรกไปที่ปัตตานี ภาพที่ปรากฏคือท่านทะเลาะกับประชาชน ครั้งที่ 2 ไปที่ยะลา ท่านไปปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อที่ยะลา จนกลายเป็นเรื่องตลก ที่มีคนชมสูงลิ่วในโซเชียล”
กูเฮง วิจารณ์การจัดการโควิด-19 ในชายแดนใต้ ระบุว่า มาเลเซียกำลังจะเปิดชายแดนเร็วๆ นี้แล้ว แต่รัฐบาลไทยยังจัดการโควิด-19 อย่างกระท่อนกระแท่น ล่าสุดเกิดคลัสเตอร์โรคระบาดโควิด-19 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ครู-นักเรียนติดเชื้อจำนวนนับพัน ทำให้ ส.ส.มุสลิม คนเดิม ขอถามไปยังรัฐบาลว่า สรุปประเทศไทยจะเปิดประเทศได้หรือไม่ เพราะประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้ไม่มีรายได้ หลายคนล้มละลาย และมาเจอคลัสเตอร์นี้โอกาสที่จะได้ทำงานก็หดหาย
ความรุนแรงจากรัฐที่ไม่เคยจบ
กูเฮง ทิ้งท้ายว่า ปัญหาความรุนแรงที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐยังคงเป็นเรื่องสำคัญในชายแดนใต้ ส.ส.พรรคประชาชาติ ยกตัวอย่างว่า ก่อนหน้านี้เยาวชนก่ออาชญากรรม ถูกฟ้องศาลจนติดคุกติดตาราง แต่เจ้าหน้าที่รัฐเอาปืนไปยิงหน้าผากหญิงคนหนึ่งต่อหน้าหลาน เรื่องกลับเงียบ แถมผู้เสียหายต้องเป็นโจทก์กับเรื่องนี้ อีกทั้ง เหตุการณ์นี้กลับไม่ได้รับการตรวจสอบไม่ว่าจากกระบวนการยุติธรรม และศาล อัยการ ผู้สื่อข่าวไม่มีสิทธิเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เราวิสามัญคนเหล่านี้ตั้งแต่ปู่ ทวด พ่อ-ลูก หลาน เหลน วันนี้เรายังใช้มาตรการแบบนี้อยู่ แล้ววันนี้เราจะแก้ปัญหาในชายแดนภาคใต้ได้เหรอ” กูเฮง ทิ้งท้าย