วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2025
  • Login
ปัตตานี
  • ปัตตานี
  • ข่าว
  • กิจกรรม
  • หางาน
  • ธุรกิจ
  • ร้านค้า
  • วิถีชีวิต
    • คนสำคัญ
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • สถานศึกษา
  • ผู้สนับสนุนเว็บ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
  • ปัตตานี
  • ข่าว
  • กิจกรรม
  • หางาน
  • ธุรกิจ
  • ร้านค้า
  • วิถีชีวิต
    • คนสำคัญ
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • สถานศึกษา
  • ผู้สนับสนุนเว็บ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
ปัตตานี
No Result
View All Result
Home ข่าว

“สนามบินเบตง” ตัวอย่างความล้มเหลวของมาตรการดับไฟใต้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

ปัตตานี by ปัตตานี
4 ปี ago
in ข่าว
Reading Time: 1min read
158
0
100
SHARES
199
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterSent to LINE friend



คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้ โดย…ไชยยงค์ มณีพิลึก

ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว อส.ทพ.จิโรจ จิตวิสุทธ์ ที่เสียชีวิตจากการถูกลอบกัดของ “แนวร่วม” ขบวนการบีอาร์เอ็นที่บ้านเมาะโจ ม.5 ต.กระหวะ อ.มายอ จ.ปัตตานี และยังมีเพื่อนทหารพรานได้รับบาดเจ็บพร้อมกันอีก 4 นาย

เป็นการลอบวางระเบิดเพื่อหลอกล่อให้ทหารพรานออกจากฐานปฏิบัติการไปยังจุดสังหาร ซึ่งเป็นยุทธวิธีทำ “สงครามกองโจร” ที่ถูกใช้มาแล้วกว่า 18 ปี และวันนี้ยังใช้ได้ผลอยู่ ถือเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมกองทัพยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้

ทำไมการสูญเสียซ้ำซากแบบนี้หน่วยงานในพื้นที่จึงมองเห็นเป็นเรื่องปกติ ทำไมยุทธวิธีง่ายๆ แบบนี้จึงไม่ได้รับการแก้ไข โดยข้อเท็จจริงแล้ววันนี้แนวร่วมขบวนการบีอาร์เอ็นได้กระจายตัวเต็มพื้นที่ ทุกฐานปฏิบัติการของทหารล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขาตลอดเวลา

ขอถามหน่อยว่าที่ผ่านมาไม่รู้เลยหรือว่าเมื่อ “เป้าหมายชัด โอกาสมี ทางหนีพร้อม” แนวร่วมและกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็นที่เตรียมพร้อมรอคำสั่ง พวกเขาจะออกปฏิบัติการเมื่อไหร่ก็ได้ในทันที

ตัวอย่างก่อนหน้านี้มีการก่อเหตุด้วยระเบิดในพื้นที่ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา มาแล้ว ทำให้ทหารพรานบาดเจ็บถึง 5 นาย และชาวบ้านถูกลูกหลงบาดเจ็บไปด้วยอีก 5 ราย

สถานการณ์ถึงวันนี้ไม่ต่างจากช่วงจุดไฟใต้ระลอกใหม่เมื่อต้นปี 2547 “ที่ไหนที่มีทหาร พื้นที่นั้นไม่ปลอดภัย” อาจจะผิดแผกไปบ้างที่แต่ก่อนเป้าหมายหลักนอกจากเจ้าหน้าที่รัฐยังมีครู พระ ข้าราชการพลเรือนและประชาชน แต่วันนี้เปลี่ยนเน้นเฉพาะทหาร ตำรวจ และกองกำลังท้องถิ่น เช่น ทหารพราน อส. ชรบ. ผู้นำท้องที่ และสายข่าวเจ้าหน้าที่

เมื่อเป้าหมายของบีอาร์เอ็นแคบลง จึงทำให้มีความเห็นจากหน่วยงานความมั่นคงว่าสถานการณ์ความรุนแรงในชายแดนใต้ดีขึ้น เพราะเหตุร้ายลดลง และส่งผลให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า อ้างได้ว่าประสบความสำเร็จในการดับไฟใต้

นี่ถ้า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องการความสำเร็จมากกว่านี้ควรให้บรรดา “นายพล” บนหอคอยงาช้างที่ส่วนกลางลงความเห็นว่า นอกจากงบประมาณกว่า 400,000 ล้านบาทในเวลา 18 ปีที่เอามาถมชายแดนใต้คุ้มค่าแล้ว ก็ควรออกคำสั่งให้กำลังพลอยู่นิ่งๆ ในฐานปฏิบัติการ ไม่ต้องออกไปไหน รับรองเลยว่าความรุนแรงจะลดลงมากกว่านี้อีก เพราะเป้าหมายโจมตีของแนวร่วมบีอาร์เอ็นหดหายไปมาก

ก่อนหน้าวันที่ 13 มีนาคม 2565 ตรงกับวาระ 62 ปีการสถาปนาบีอาร์เอ็น ได้มีการสร้างสถานการณ์เชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงตัวตนและตอกย้ำอุดมการณ์ โดยแนวร่วมใน 4 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ได้กระจายกันแขวนป้ายผ้า พ่นสี และปล่อยว่าวที่มีข้อความเพื่อ “เอกราช” ถึงกว่า 50 จุด พร้อมทั้งทำ IO ในโซเชียลมีเดียอีกด้วย

ณ วันนี้ “ปีกการเมือง” ของบีอาร์เอ็นเป็นผู้ที่ครอบครองและควบคุมปฏิบัติการ IO ในโซเชียลมีเดียได้ทั้งหมด และนี่ถือเป็นอีก “จุดอ่อน” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ยังคงมะงุมมะงาหราในเรื่องยุทธศาสตร์การสร้างความเข้าใจกับสังคม หรือจะว่าทำได้แบบล้มเหลวมาโดยตลอดก็ไม่ผิดนัก

กลุ่มผู้นำศาสนาเอย กลุ่มสตรีเอย โฆษกชาวบ้านเอย กลุ่มเยาวชนเอย และอีกหลายๆ กลุ่มที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าจัดตั้งขึ้นมา เวลานี้ทุกกลุ่มล้วนยังไม่มีความแก่กล้าที่จะไปต่อกรกับกระทั่งแนวร่วมบีอาร์เอ็นในพื้นที่ได้เลย แต่ทำได้แค่รวมตัวแสดงพลังหน้าอำเภอหรือสถานที่ต่างๆ ตามที่หน่วยงานความมั่นคงต้องการให้ “โชว์ออฟ” เช่น การรวมตัวกันประกาศไม่เอาหรือไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง เป็นต้น

แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่กลุ่มคนเหล่านั้นจะ “กล้าฟันธง” ประณามว่า สิ่งที่แนวร่วมบีอาร์เอ็นกระทำต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นเรื่องที่ผิดหลักศาสนา ถือเป็นฆาตกร และต้องรวมตัวกันขับไล่แนวร่วมบีอาร์เอ็นออกไปจากหมู่บ้าน เพื่อให้เป็นหมู่บ้านปลอดจากการก่อการร้าย

วันนี้ชายแดนภาคใต้จึงยังเห็นสภาพของความเป็น “สังคมคนมือล่าง” ที่จ้องแต่จะรอรับเอาผลประโยชน์ งบประมาณ ตำแหน่งหน้าที่ โดยไม่คิดที่จะเป็น “สังคมคนมือบน” แถมหน่วยงานรัฐไม่เคยมีแผนสร้างสังคมอย่างหลังให้เกิดขึ้น

ดังนั้นจะว่า “สำเร็จ” หรือ “ล้มเหลว” ในมาตรการดับไฟใต้ดูได้ไม่ยาก ไม่ต้องย้อนไปดูตั้งแต่ปี 2547 ให้ยุ่งยากด้วย ให้ดูแค่ยุคปัจจุบันที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2557 และ “กองทัพ” มีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดน่าจะสะท้อนภาพรวมได้ทั้งหมด

ยุครัฐบาลบิ๊กตู่ มีการเปลี่ยนคำเรียกจาก “เจรจาสันติภาพ” เป็น “พูดคุยสันติสุข” มีการตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลที่เรียกว่า “ครม.ส่วนหน้า” ที่ให้อดีตแม่ทัพ เลขา ศอ.บต.รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก สมช. และ สขว.ที่เชื่อว่าเป็นผู้เคยรู้เรื่องราวมาร่วมดับไฟใต้กับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ศอ.บต.

มีการใช้งบประมาณมหาศาลของคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล และมีการเข้าไปปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อนกับงานที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ศอ.บต.ทำอยู่แล้ว เช่น งานด้านเยาวชน ความมั่นคง พหุวัฒนธรรม แม้แต่งานแก้ปัญหา “กล้วยหินเป็นเชื้อรา” เหล่าคณะผู้แทนพิเศษก็ทำมาแล้ว

และที่สำคัญยังมีการตั้ง “กระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้า” หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่ใช้คำว่า “ส่วนหน้า” รั้งท้ายคำเรียกขึ้นมามากมายเพื่อแก้ปัญหารากเหง้าของไฟใต้ด้วย

วันนี้ทั้งรัฐบาล กอ.รมน. กองทัพ หน่วยงานเหล่านี้ลองกลับไปทบทวนเถอะว่า ตั้งแต่ปี 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งบริหารประเทศมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและนโยบายดับไฟใต้อย่างไร นอกจากใช้งบประมาณที่มากมายขึ้นมหาศาลแล้ว การที่มีหน่วยงานทำหน้าที่ซ้ำซ้อนทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความสำเร็จบ้างไหม

เอาแค่ผลงานของ “คณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล” กับ “กระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้า” หรือกระบวนการ “พูดคุยสันติสุข” เหล่านี้เอามาเผยให้ประชาชนเห็นว่าอะไรคือความสำเร็จได้บ้างไหม เพราะที่ผ่านมาแม้แต่เรื่องของ “กล้วยหิน” ก็ยังแก้กันไม่ได้

หรือว่าการแก้ปัญหาไฟใต้นั้น รัฐบาลและ กอ.รมน.คิดได้เพียง “ขอให้ได้ทำ” ส่วนทำแล้วจะ “ตอบโจทย์” หรือไม่ หรือถือว่า “ประสบความสำเร็จ” หรือไม่ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องคิดเอาเอง

เช่นเดียวกับ “สนามบินเบตง” ที่ถึงขั้น พล.อ.ประยุทธ์ บินมาเป็นประธานเปิดให้สายการบินนกแอร์ แต่ยังแทบไม่ทันไรนกแอร์ก็ประกาศยกเลิกเที่ยวบินเพราะไม่คุ้มทุนอย่างหน้าตาเฉย

ใครนะที่บอกว่า “มีสนามบิน ดีกว่าไม่มี” ส่วนมีแล้วจะให้ชาวบ้านใช้เป็นที่ “เลี้ยงแพะ” หรือให้วัยรุ่นเข้าไป “ชักว่าว” เล่นกันอย่างสนุกสนาน นั่นก็แล้วแต่ผู้คนในสังคมจะเห็นอย่างไร

แต่ทั้งหมดทั้งปวงนี้คือการสะท้อนภาพให้เห็นถึง “ความล้มเหลว” ในการดับไฟใต้อย่างเป็นระบบครบวงจร หรือล้มเหลวตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงไปปลายน้ำนั่นเอง

Tags: newsข่าวจังหวัดปัตตานี
Previous Post

สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก. บทพิสูจน์ฝีมือ “จุรินทร์-เฉลิมชัย”

Next Post

พระราชทานเพลิงศพทหารกล้า “อส.ทพ. จิโรจน์” อย่างสมเกียรติ

ปัตตานี

ปัตตานี

เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขแดนใต้

Related Posts

ข่าว

ม.อ.เผยผลวิจัย พบ.ผู้ป่วยปอดบวมจากโควิด เสี่ยงติดวัณโรคมากกว่าคนทั่วไป 7 เท่า

กุมภาพันธ์ 1, 2023
'สมชัย'-สงสัย-กกต.-แบ่งเขตเลือกตั้งผิด?-หลังเอาจำนวน-ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณ
ข่าว

'สมชัย' สงสัย กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งผิด? หลังเอาจำนวน ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณ

มกราคม 31, 2023
ข่าว

ผู้ว่าหญิงปัตตานี นำทีมปั่นจักรยานแนะนำแหล่งท่องเที่ยว

มกราคม 29, 2023
ข่าว

อุตุฯเตือนดูแลสุขภาพอากาศหนาวเย็นลง

มกราคม 29, 2023
“นิพนธ์”เดินหน้าทำชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร-|-เดลินิวส์
ข่าว

“นิพนธ์”เดินหน้าทำชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร | เดลินิวส์

มกราคม 26, 2023
ข่าว

‘

มกราคม 26, 2023
Next Post
พระราชทานเพลิงศพทหารกล้า-“อสทพ.-จิโรจน์”-อย่างสมเกียรติ

พระราชทานเพลิงศพทหารกล้า "อส.ทพ. จิโรจน์" อย่างสมเกียรติ

บทความ แนะนำ

No Content Available

หมวดบทความ

การก่อสร้าง การขนถ่ายสินค้า การขุด หรือเจาะบ่อน้ำ การค้าวัสดุก่อสร้าง การฆ่าสัตว์ การผลิต การบรรจุก๊าซ การผลิตน้ำมันพืช การผลิตน้ำแข็ง การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การผลิตรองเท้า การผลิตเส้นไหม การรีดโลหะ ผลิตเหล็ก การหล่อหลอม การกลึงโลหะ การเลี้ยงสัตว์ กิจกรรม ข่าว ตรวจหวย ธุรกิจ บริการซัก อบ รีด บริษัท ปัตตานี มูลนิธิ ร้านค้า วิถีชีวิต สถานที่ท่องเที่ยว สถานศึกษา สพป.ปัตตานี เขต 1 สพป.ปัตตานี เขต 2 สพป.ปัตตานี เขต 3 สพม.เขต 15 สมาคม สำนักงานจัดการเดินทาง หน่วยงานราชการ อบต. อาหาร เอสเอ็มอี แฟรนไชส์ โรงงาน โรงพยาบาล บริการสุขภาพ โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนศิลปะและกีฬา โรงเรียนสอนวิชาชีพ โรงเรียนสอนศาสนา โรงเรียนสามัญ โอทอป

เกี่ยวกับเรา ปัตตานี



เป็นศูนย์รวมในการนำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในจังหวัด และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะและ ให้คำแนะนำเพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิก อีกทั้งยังเผยแพร่ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ต่าง ๆ อีกด้วย

Unable to open file!