
| ผู้เขียน | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร |
|---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : กัดฟันทบทวนปฏิวัติ 19 ก.ย.
ครบ 15 ปี การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ความทรงจำ ที่ผุดขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ของเหตุการณ์นั้น
คือคำว่า เสียของ
อันนำมาสู่ ข้ออ้าง การรัฐประหารครั้งต่อมา 22 พฤษภาคม 2557
8+7 ปี ที่ผ่านมาสังคมไทย ได้ของ หรือไม่
ทุกคนคงมีคำตอบในใจ
จริงอยู่แม้ คณะรัฐประหาร จะสลายร่างไปแล้ว
แต่ตัวละครสำคัญ ที่พยายามโชว์ลบคำว่าไม่เสียของโดยได้ปูทางในทุกวิธีที่ทำได้ เพื่อสืบทอดอำนาจยังอยู่ใน เวทีอำนาจ ต่อไป
โดยพยายามนำคำว่าประชาธิปไตย มาปะ แป้ง เพื่อให้ดูดีว่า พวกตนมาตามระบอบอันชอบธรรม
ซึ่งปัจจุบันก็ลากกันมา 2 ปีกว่า
เมื่อถามซ้ำว่า ประเทศชาติ และประชาชน ได้ของหรือเสียของ
สิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผลิตผลของการรัฐประหาร 2557 น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
กล่าวคือ นอกจากจะบริหารประเทศ ที่ถูกกล่าวหาว่า ถอยหลัง ในแทบทุกด้านแล้ว
ยังมาแก่งแย่งอำนาจ โค่นล้มในหมู่กันเอง ทั้งพี่น้อง 3 ป. และน้องร่วมสถาบัน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อย่างอื้อฉาว
แม้ว่าจะมีความพยายามกลบเกลื่อน ความขัดแย้งในหลายวิถีทาง รวมถึง การ กอด โชว์สื่อมวลชน
แต่ก็ไม่อาจจะกลบเสียง กัดฟันกรอด-กรอด แห่งความไม่พอใจ และความไม่ลงรอยที่มีต่อกันได้
ตอนนี้ สังคมก็ได้แต่เฝ้ามองว่า เมื่อไหร่ปัญหาขัดแย้งจะปะทุขึ้นมาอีก
และความขัดแย้งนั้นจะนำไปสู่อะไร
แน่นอน ในความรู้สึกของชาวบ้านแล้วย่อมนำไปสู่ความย่ำแย่ลงไปอีก
ชาวบ้านแทบจะไม่ได้อะไร
แถมอาจจะเกิดความรู้สึก อย่างที่ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รู้สึก และทำจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ
โดยอ้างว่า เริ่มมีกระแสข่าวลือว่า ทหารอาจจะต้องออกมาปฏิวัติอีก
เพราะสถานการณ์บ้านเมืองกำลังอยู่ในวิกฤต วุ่นวาย
สังคมมีความรู้สึกไม่ยอมรับในตัวผู้นำ รวมถึงการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส
มีผู้ออกมาประท้วงรายวันและไม่แน่ใจว่าจะมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น
จึงอาจนำไปสู่การปฏิวัติได้อีก
นายอันวาร์ สาแล เลยตีปลาหน้าไซ โดยระบุในจดหมายเปิดผนึกว่า กองทัพไม่จำเป็นต้องออกมาปฏิวัติ โดยใช้ข้ออ้างที่ว่า ต้องการทำให้บ้านเมืองสงบ ถามว่าแล้วสงบจริงหรือไม่ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นอย่างไร ทุกครั้งที่มีการปฏิวัติสถานการณ์บ้านเมืองกลับเลวร้ายลงกว่าเดิม เช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติลงด้วยได้วิธีใด ดังนั้น แค่ทหารต้องให้โอกาส กลไกของประชาธิปไตยทำงานให้จนถึงที่สุด และหนทางสุดท้าย คือ การคืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
แม้จะมีผู้วิจารณ์ว่านายอันวาร์ ตื่นตูม ด้วยประเมินเงื่อนไขต่างๆ แล้ว ยังไม่น่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น
ซึ่งโดยส่วนตัวก็เชื่อเช่นนั้น และหวังว่าการปฏิวัติคงไม่เกิดขึ้น
เอาแค่การได้ย้อนทบทวนการรัฐประหารที่ผ่านมา โดยเฉพาะ 19 กันยายน 2549 ที่ต่อเนื่องมาถึง 22 พฤษภาคม 2557 ว่าได้สร้างบาปกรรมอย่างไรให้กับประเทศของเราขนาดไหน
แค่นี้ เราในฐานะประชาชนก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆ ด้วยความรู้สึกคับแค้นแล้ว!
สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร



