
สกู๊ปหน้า 1 : 17 ปี ‘ปล้นปืน’ ค่ายปิเหล็ง ถึงวันฉก ‘อาก้า’ ไปขาย
จากบันทึกของสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา การปล้นอาวุธปืนที่ค่ายปิเหล็งในวันที่ 4 มกราคม 2547 เปรียบเหมือนกองเพลิงที่ปะทุลุกโชนมาอีกรอบ ลุกลามโยงไปสู่ความไม่สงบสุขอื่นๆ มากมาย จนเกิดคีย์เวิร์ด ไฟใต้ ที่ยากจะดับลงได้ในเร็ววัน
ทั้งเหตุการณ์ลอบทำร้าย วางระเบิด และก่อจลาจลย่อย ในครั้งนั้น กลุ่มคนร้ายวางแผนกันมาอย่างดีเข้าปล้นปืน กองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ ค่ายปิเหล็ง ใน ต.ปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้อาวุธปืนประจำกายของเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากรวม 413 กระบอก ทั้งอาวุธปืนไรเฟิลเป็นส่วนใหญ่ ปืนพก และปืนกล มีเจ้าหน้าที่ทหารสังเวยชีวิตไปด้วยกัน 4 นาย ส่วนคนร้ายหนีไปอย่างลอยนวล ก่อนที่ต่อมา อาวุธปืนเหล่านี้ถูกส่งต่อไปยังกลุ่มคนร้ายในแต่ละพื้นที่นำไปใช้ก่อเหตุยิงประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ สูญเสียชีวิตราวกับใบไม้ร่วง
นับเป็นเวลา 17 ปีแล้ว ครบรอบปีแต่ละครั้ง กลุ่มคนร้ายมักเลือกก่อเหตุเพื่อวันดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองก็ต้องจัดกำลังเฝ้าระวังภัยเช่นกัน
อย่างในช่วงหัวค่ำของวันที่ 3 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนทางอากาศ บริเวณรอบค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 (ค่ายปิเหล็ง) เพื่อป้องกันการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในห้วงเฝ้าระวัง จากเหตุปล้นปืนค่ายปิเหล็งเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547
พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ สั่งการทุกหน่วยในพื้นที่เพิ่มความเข้มข้น กำชับดูแลหน่วยที่ตั้ง กรม กอง หน่วยงานราชการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อป้องกันกลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุ ตลอดจนการลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ความมั่นใจในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินประชาชน โดยย้ำกำลังพลทุกนายต้องไม่ประมาทต่อสถานการณ์โดยเด็ดขาด
ในช่วงค่ำวันเดียวกัน คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา ใช้อาวุธปืน สงครามเอ็ม 16 ยิงถล่มฐานปฏิบัติการชั่วคราวของเจ้าหน้าที่กองกำลัง 3 ฝ่าย ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมสายนราธิวาส-ปัตตานี บ้านบาตู หมู่ 6 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จำนวน 3 จุดด้วยกัน
จากเหตุการณ์ ปล้นปืน ดังกล่าว ได้ถูกถอดเป็น บทเรียน เล่มหนา เพื่อให้เป็นที่ตระหนักของเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องไม่ให้เกิดเหตุ ซ้ำรอย ขึ้นอีก กลายเป็นบาดแผลร้าวลึกในหัวใจ แต่ก็มาเกิดเหตุ ปืนหาย ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จนเป็นข่าวใหญ่สนั่นโลก โซเชียลเมื่อเร็วๆ นี้
นายมะยูโซ๊ะ กูเดะ ปลัดอำเภอเมืองนราธิวาส เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าปืนเอเค 102 (AK 102) จำนวน 28 กระบอก หายออกไปกองคลังกองอาสารักษาดินแดง อ.เมืองนราธิวาส ที่ 2 ตั้งอยู่เลขที่ 2 หมู่ 8 ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส
แม้ผลตรวจสอบเบื้องต้น ไม่ใช่การปล้นปืน แต่ก็ช่วยรื้อฟื้นชั้นสมองส่วนจดจำของประชาชนที่นึกถึงวันปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงจะไม่ใช่เรื่องทำนองเดียวกัน แต่ก็ได้ความรู้สึก การรับรู้ และเข้าใจในเชิงปืนหายไม่แตกต่างกัน
การเร่งหาไทม์ไลน์ของปืนจำนวน 28 กระบอกไม่ใช่เรื่องยาก ทุกกระบอกจะมีเลขหมายระบุชัดเจน และไปอยู่เจ้าหน้าที่อาสาฯคนไหน มีการแสดงความเห็นมากมาย ปืนเหล่านี้ใช้ภาษีของประชาชนหาซื้อจากประเทศรัสเซีย กลับหละหลวมในการดูแลรักษา การเบิกจ่ายนำไปใช้ไม่รัดกุม คงไม่คิดว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา
พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เผยว่า เบื้องหลังการตรวจสอบคลังอาวุธครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจมีการปฏิบัติตามกฎหมายในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แล้วปะทะกับกลุ่มคนร้าย พบปืนเอเค 102 ของคนร้ายตกอยู่ในที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นอาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนที่ใช้อาวุธปืนชนิดนี้ นำไปสู่การประสานกับทางอำเภอ ผบช.ภ.9 มีคำสั่งให้ตรวจสอบอาวุธปืนทั้งจังหวัด พบว่าปืนเอเค 102 หายไป 37 กระบอก ในพื้นที่ 5 อำเภอ คือ อ.เมืองนราธิวาส สุไหงโก-ลก รือเสาะ ศรีสาคร และ อ.สุไหงปาดี
กระทั่งในวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา พล.ต.ต.นรินทร์กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ปืนจำนวน 28 กระบอกที่รับแจ้งความนั้น ได้คืนมาแล้ว 6 กระบอก สอบสวนเบื้องต้นคาดว่าอาวุธปืนที่หายไปเป็นลักษณะของการเอาไปจำนำหรือขาย ในรายงานข่าวยังเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรนราธิวาสได้ควบคุมตัว นายฮาซัน สาแม ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ที่ยอมรับออกมาว่านำอาวุธปืนไปขายจริง
การที่ปืนคู่กายของเจ้าหน้าที่แม้ไม่ได้หายในจำนวน 28 กระบอกพร้อมกัน หรือจะทยอยหายทีละกระบอกสองกระบอก จะหาเหตุผลกันอย่างไรก็ตาม แต่ได้ละเลยกับบทเรียนที่ค่ายปิเหล็งราวปล่อยให้จับฝุ่นหนาเตอะ
ไม่มีใครการันตีได้ว่าการตามเอาปืนเอเค 102 คืนกลับมาจะได้ทั้งหมดหรือไม่ เพราะเป็นเวลา 17 ปีแล้ว ปืนที่ค่ายปิเหล็งก็ยังได้คืนมาไม่ถึงครึ่ง ปืนเอเค 102 คงไม่มีคนดีที่ไหนอยากจะสะสมหรือเก็บเอาไว้
ที่ผ่านมาปืนเหล่านี้ของทางการถูกนำไปใช้เคลื่อนไหวก่อเหตุแล้ว อาวุธปืนประจำกายเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ๆ ล่องหนหายไปจากคลังแสง กำลังเป็นอีกหนึ่งฝันร้ายของคนในพื้นที่
ไม่รู้ว่าจะถูกปืนเหล่านี้หันปลายกระบอกปืนส่องมาเมื่อไหร่



