ศบค.ให้จังหวัดเข้มคัดกรอง ปชช.กลับบ้านช่วงเที่ยวปีใหม่ แนะทุกคนเตรียมเอกสารรับรองฉีดวัคซีน แจงมาตรการจัดงานปีใหม่ กรณีผู้เข้าร่วมงานต่ำพัน-เกิน 1 พันคน เผยผับ-บาร์ เปิด-ขายเครื่องดื่มได้คืน 31 ธ.ค.เท่านั้น ผับ บาร์ ยังห้ามเปิด หลังกลับเฉลิมฉลองให้สถานประกอบการตรวจคัดกรองเข้มก่อนเข้าทำงาน
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.กล่าวในการแถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รายวัน ว่า สถานการณ์ทั่วโลก วันที่ 17 ธันวาคม 2564 ยอดผู้ติดเชื้อรวม 273,218,485 ราย อาการรุนแรง 89,344 ราย รักษาหายแล้ว 245,296,117 ราย และเสียชีวิต 5,352,581 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด สหรัฐอเมริกา 51,435,652 ราย อินเดีย 34,721,174 ราย บราซิล 22,204,941 ราย สหราชอาณาจักร 11,097,851 ราย รัสเซีย 10,131,646 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 24 จำนวน 2,185,497 ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 17 ธันวาคม ในประเทศ ผู้ป่วยรายใหม่ 3,537 ราย ติดเชื้อในประเทศ 3,338 ราย ติดเชื้อจากเรือนจำ-ที่ต้องขัง 182 ราย ติดเชื้อต่างประเทศ 17 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,156,634 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 43,479 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 22,257 ราย อยู่ในโรงพยาบาลสนาม และอื่นๆ 21,222 ราย อาการหนัก 972 ราย ในจำนวนนี้ใส่เครื่องช่วยหายใจ 254 ราย หายป่วยแล้ว 2,093,265 ราย เสียชีวิต 41 ราย เสียชีวิตสะสม 21,233 ราย ข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,185,497 ราย หายป่วยแล้ว 2,120,691 ราย เสียชีวิตสะสม 21,327 ราย
“จำนวน และสัดส่วนผลบวก ATK ในประเทศรายวัน มีข้อมูลดังนี้ ยอดตรวจ ATK วันที่ 17 ธันวาคม จำนวน 59,512 ราย และยอดตรวจสะสมวันที่ 20 สิงหาคม-17 ธันวาคม จำนวน 5,805,978 ราย ยอดผลบวก วันที่ 17 ธันวาคม จำนวน 1,080 ราย และยอดผลบวกสะสม วันที่ 20 สิงหาคม-17 ธันวาคม จำนวน 280,931 ราย” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-16 ธันวาคม 2564 มีผู้รับวัคซีนสะสมทั้งหมด 98,856,753 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 สะสม 50,314,980 ราย เข็มที่ 2 สะสม 43,974,460 ราย และเข็มที่ 3 สะสม 4,567,313 ราย ส่วนข้อมูลการฉีดวัคซีนวันที่ 16 ธันวาคม มีดังนี้ เข็มที่ 1 จำนวน 110,704 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 162,632 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 143,000 ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ข้อมูลผู้ป่วยโรคโควิด-19 เสียชีวิตของไทย วันที่ 17 ธันวาคม มีดังนี้ กรุงเทพฯ 2 ราย สมุทรสาคร 1 ราย นครราชสีมา 2 ราย กาฬสินธุ์ 1 ราย เชียงใหม่ 6 ราย แม่ฮ่องสอน 1 ราย นครศรีธรรมราช 6 ราย สงขลา 3 ราย ตรัง 2 ราย ยะลา 2 ราย ชุมพร 1 ราย ปัตตานี 1 ราย พัทลุง 1 ราย สตูล 1 ราย ฉะเชิงเทรา 6 ราย พระนครศรีอยุธยา 2 ราย ลพบุรี 2 ราย ชลบุรี 1 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย ราชบุรี 1 ราย สระบุรี 1 ราย และสุพรรณบุรี 1 ราย รวม 41 ราย แบ่งเป็น ชาย 21 ราย หญิง 20 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 33 ราย (80%) อายุน้อยกว่า 60 ปี แบ่งเป็น มีโรคเรื้อรัง 6 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 2 ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 578 ราย สะสม 434,127 ราย นครศรีธรรมราช 208 ราย สะสม 45,808 ราย ชลบุรี 166 ราย สะสม 110,329 ราย สงขลา 137 ราย สะสม 64,474 ราย สมุทรปราการ 128 ราย สะสม 130,793 ราย สุราษฎร์ธานี 89 ราย สะสม 27,801 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 78 ราย สะสม 19,423 ราย พัทลุง 77 ราย สะสม 12,918 ราย ปัตตานี 74 ราย สะสม 47,765 ราย และเชียงใหม่ 65 ราย สะสม 28,173 ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ทั้งนี้ มีคลัสเตอร์รายงานเข้ามา ดังนี้ การติดเชื้อในเรือนจำ ที่ จ.กระบี่ 137 ราย เรือนจำกลาง จ.ปัตตานี 36 ราย คลัสเตอร์โรงงาน และสถานประกอบการ พบทั้ง ปราจีนบุรี ระยอง และชลบุรี คลัสเตอร์ตลาด มีอ่างทอง ลพบุรี อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช ในส่วนของคลัสเตอร์งานศพ มีนราธิวาส และแม่ฮ่องสอน ส่วนแคมป์คนงาน มีทั้งกรุงเทพฯ พบที่กรุงเทพฯ ใต้ เขตคลองเตย แคมป์ก่อสร้าง 56 คน จาก 120 ราย นอกจากนี้ ยังพบคลัสเตอร์หมูกระทะ ที่เขตบางกะปิ ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 12 ราย และพบการแพร่ระบาดในโรงเรียน ที่สมุทรปราการ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และประจวบคีรีขันธุ์
“ศบค.ชุดเล็กหารือถึงการเดินทางกลับบ้านของประชาชนในเทศกาลปีใหม่ ขอเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดเฝ้าระมัดระวัง คัดกรองผู้ที่เดินทางกลับบ้าน และมีมาตรการคัดกรองอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ เมื่อจบเทศกาลปีใหม่ ขอให้สถานประกอบการ และโรงงาน ตรวจคัดกรองบุคลากรที่เดินทางกลับบ้าน และเข้ามาทำในโรงงานด้วย ทั้งนี้ ยังพบจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ คือ อุตรดิตถ์ และอำนาจเจริญ” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรฯ ท่าอากาศยาน ตั้งแต่วันที่ 1-16 ธันวาคม มียอดสะสม 122,363 ราย จากข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม มีผู้เดินทางใหม่ 11,060 ราย ติดเชื้อ 16 ราย และขณะนี้มีการยืนยันผู้ติดเชื้อโอไมครอน จำนวน 14 ราย ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเข้ามาในโครงการ Test&Go อย่างไรก็ตาม แม้การติดเชื้อยังไม่สูงมาก แต่ต้องเตรียมการรองรับ กรณีที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้น เพราะชัดเจนว่าในเดือนธันวาคมนี้ นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ยังมีการผ่อนคลายกิจกรรม กิจการต่างๆ ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ต้องเตรียมการเฝ้าระวังด้วย ส่วนจำนวนผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรทางอากาศ จำแนกตามประเทศต้นทาง 10 ประเทศแรก ตั้งแต่วันที่ 1-16 ธันวาคม มีดังนี้ เยอรมนี 9,880 ราย สหราชอาณาจักร 7,833 ราย รัสเซีย 5,175 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4,406 ราย ฝรั่งเศส 4,292 ราย สวีเดน 4,250 ราย สหรัฐอเมริกา 4,167 ราย สิงคโปร์ 3,808 ราย นอร์เวย์ 3,497 ราย และอิสราเอล 3,300 ราย
“พบว่ามีหลายประเทศ ที่มีท่าทีปฏิเสธไม่สวมหน้ากากอนามัย ขอเน้นย้ำพี่น้องประชาชน โรงแรมที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวเหล่านี้ เน้นย้ำกับนักท่องเที่ยว ว่าการเดินทางเข้ามา ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขของไทยอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิด สามารถปรับได้สูงสุด 20,000 บาท ทั้งนี้ หากพบนักท่องเที่ยวไม่สวมหน้ากากอนามัย สถานประกอบการสามารถปฏิเสธการให้บริการได้” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 40) จะเน้นย้ำว่าการจัดเทศกาลปีใหม่ ต้องขออนุญาต หากรวมกลุ่มกันเกิน 1,000 คน ผู้ให้บริการต้องได้รับวัคซีนครบทุกคน ตรวจ ATK ผลเป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง เช่นเดียวกับผู้ร่วมงาน ต้องได้รับวัคซีนครบ และตรวจ ATK ก่อนเข้างานไม่เกิน 72 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม การจัดงานเทศกาลปีใหม่ กรุงเทพฯ กรมควบคุมโรค และ ศบค.ชุดเล็ก จะออกข้อปฏิบัติการจัดงานเทศกาลปีใหม่ ในงานที่จำนวนคนน้อยกว่า 1,000 คน เช่น การจัดงานในนามของบริษัท ห้างร้านสถานประกอบการ หรือการเคาท์ดาวน์ในสถานที่กลางแจ้ง ซึ่งจะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง
“ในการประชุมผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ผอ.ศปก.ศบค.) เน้นย้ำว่านายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พิจารณาการใช้ ATK เพื่อยกระดับมาตรการจัดงานต่างๆ รวมทั้ง การจัดงานปีใหม่ ซึ่งประชาชน และสถานประกอบการ ทำได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ อาจจะยกระดับให้ตรวจ ATK เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ศบค.จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานที่การจัดปีใหม่ในจังหวัดต่างๆ เช่น วันที่ 24 ธันวาคม เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้า จ.หนองคาย เป็นจังหวัดนำร่องรับนักท่องเที่ยวผ่านทางบกเป็นที่แรก รองรับการเปิดประเทศของลาว ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 มกราคม 2565” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สิ่งที่ ศบค.อยากเห็น คือความร่วมมือทุกภาคส่วน เตรียมความพร้อมที่จะเปิดพื้นที่ โดยขอให้สถานประกอบการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และความสำคัญต่อการลงทะเบียนขออนุญาตดำเนินกิจการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety and Health Administration : SHA) ซึ่งจะแสดงว่าผู้ประกอบการมีการเตรียมความพร้อม ปรับปรุงสินค้าบริการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนขออนุญาตดำเนินกิจการตามมาตรฐาน SHA ทางเว็บไซต์ https://www.tourismthailand.org/thailandsha เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยจากโควิด-19 ให้นักท่องเที่ยว และผู้ที่จะมาใช้บริการ ทั้งนี้ ขอให้สมาคมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกจังหวัดติดตาม ช่วยเหลือให้สถานประกอบการลงทะเบียน SHA ด้วย
พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า นอกจากมติที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ได้ปรับแผนการฉีดวัคซีนใหม่ โดยแผนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามแนวทางใหม่ ดังนี้ รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน สามารถฉีดตระตุ้นในเดือนธันวาคม 2564 ส่วนที่ได้รับเข็ม 2 เดือนกันยายน-ตุลาคม รับเข็มตระตุ้นเดือนมกราคม 2565 รับวัคซีนเข็มที่ 2 เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน รับเข็มตระตุ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 และรับเข็ม 2 เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม รับเข็มกระตุ้นเดือนมีนาคม 2565 ทั้งนี้ มีแผนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพิ่มอย่างน้อย 23 ล้านโดส ภายปี 2565 ส่วนแผนการฉีดวัคซีนเด็กต่ำว่าอายุ 12 ปี ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด หากมีการเปลี่ยนแปลงจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง
“เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ ขอให้ประชาชนเตรียมเอกสารการฉีดวัคซีนด้วย และขอให้อย่าเป็นเหยื่อ หรือจ้างทำเอกสารรับวัคซีนปลอม เพราะผู้ทำ และผู้ใช้ จะมีความผิด ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบอย่างเคร่งครัดอีกครั้ง ขอเน้นย้ำว่า จากการประกาศข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 40) อนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ เฉพาะเทศกาลปีใหม่ คือวันที่ 31 ธันวาคมเท่านั้น ซึ่ง สถานบริการ ผับ บาร์ ยังไม่สามารถเปิด หรือขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะนี้ได้” พญ.อภิสมัย กล่าว