พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ สั่งการให้ ตร.จัดชุดตรวจร่วมบูรณาการกับกรมการค้าภายใน พาณิชย์จังหวัด ตรวจสต๊อกปาล์มน้ำมัน โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ตลอดจนคลังน้ำมันปาล์ม
เนื่องจากรัฐบาลมีความห่วงใยจากสถานการณ์ที่ราคาปาล์มน้ำมันพรุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุสภาพอากาศ ฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันน้อยกว่าปกติอย่างมาก หากผู้ประกอบการรายใหญ่กักตุนสินค้า จะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันทั้งระบบพุ่งสูงขึ้นไปอีก ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคอุปโภคเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จัดชุดเฉพาะกิจ ร่วมกับกรมการค้าภายใน พาณิชย์จังหวัด และตำรวจพื้นที่ เข้าตรวจสอบโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งพบว่ามีอยู่ในพื้นที่ 25 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ เช่น กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช ปัตตานี พังงา ระนอง พัทลุง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี นราธิวาส เป็นต้น
อีกทั้งให้ทำการสุ่มตรวจโรงงานสต๊อกปาล์มน้ำมัน โรงกลั่นและคลังน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ หากพบว่าไม่มีการแจ้งการครอบครอง ก็จะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือหากมีการแจ้งการครอบครองไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.137 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาปาล์มน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น หากพบเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือสายด่วน กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ 1569