ผู้การตำรวจปัตตานี ออกตรวจ 24 ชั่วโมง ทุกพื้นที่ เน้นย้ำมาตรการเข้มงวดช่วงโควิค-19 ระบาดหนัก เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ล่าสุดจับแล้ว 28 ราย ฝ่าฝืนเปิดเกินเวลา
วันที่ 15 ก.ค. พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.กีรติ แวยูโซ๊ะ รอง ผบก.และคณะ ได้ออกตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมและจุดตรวจความมั่นคง ในเขตพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี และ อ.ยะหริ่ง เพื่อกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี กล่าวว่า จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ได้ทวีความรุนแรง กระจายไปใน 12 อำเภอ ณ วันนี้ มีผู้ติดเชื้อ 5,052 คน โดย อำเภอเมือง มีผู้ติดเชื้อสูงสุด รองลงมาเป็น อำเภอหนองจิก และยะหริ่ง มีการปิดมัสยิดแล้ว 26 แห่ง บาลาเซาะห์(สถานที่ประกอบศาสนกิจ) 18 แห่ง ใน 25 หมู่บ้าน 18 ตำบล ของ 9 อำเภอ จนเกิดสถานการณ์วิกฤติด้านการรักษาพยาบาลและสาธารณสุข
ตามนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนตำรวจภูธรภาค 9 ให้ปฏิบัติตามประกาศข้อกำหนดตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27 ) ลงวันที่ 10 ก.ค. 2564 ในการควบคุม ระงับ ยับยั้ง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ฝ่ายปกครอง เพื่อตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจตราห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานในห้วงระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. มาตรการการเดินทางข้ามจังหวัด และการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม
สำหรับการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี มีจุดตรวจคัดกรองการแพร่ระบาดของโรค ก่อนเข้าสู่จังหวัดปัตตานี จำนวน 12 จุด จุดตรวจพื้นที่ตอนใน ของทุก สภ.จำนวน 62 จุด และจัดชุดสายตรวจออกตรวจตราในพื้นที่รับผิดชอบ จำนวน 43 ชุด ได้กำชับ หัวหน้าสถานีตำรวจ ให้ประสานงานกับทางนายอำเภอ สาธารณสุข ทหาร ฝ่ายปกครอง ปฏิบัติงานในพื้นที่ของตน ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ในขณะเดียวกันต้องป้องกันเหตุในเรื่องสถานการณ์ความมั่นคง ซึ่งอาจมีเหตุการก่อความไม่สงบเกิดขึ้น รวมถึงการระมัดระวังในการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสอีกด้วย
ในการปฏิบัตินั้น เน้นการประชาสัมพันธ์ประชาชนให้มีความตระหนักถึงภัยอันตรายและการรับรู้ข้อกฎหมายต่างๆ ให้ทราบ และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่กำหนด หากมีการฝ่าฝืนก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับผลการปฏิบัติที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี มีการจับกุมผู้ฝ่าฝืน จำนวน 28 ราย



