ปัตตานี พบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์ ‘โอไมครอน’ เป็นคนไทยกลับมาจากซาอุฯ
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ได้แจ้งถึงเรื่อง กรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด สายพันธุ์โอไมครอน รักษาตัวที่จ.ปัตตานี โดยระบุว่า ได้รับการประสานข้อมูลจากจังหวัดภูเก็ต ว่ามีคนไทยเดินทางกลับมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ลงที่เครื่องสนามบินภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2564 ได้มีการกักตัวเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบว่า มี 1 รายติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน (ทราบผล 17 ธ.ค.64)
โดยผู้ติดเชื้อขอเข้ารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลโคกโพธิ์ ในกรณีนี้ ไม่ถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในจังหวัดปัตตานี แต่เป็นการพบเชื้อจากการเดินทางเข้าประเทศ จากจุดคัดกรองด่านเข้าประเทศ
จึงขอให้คนปัตตานี อย่าตื่นตระหนกกับกระแสข่าวนี้ แต่อย่างไรก็ดี ขอให้ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการฯ อย่างเคร่งครัดเช่นเดิม เช่นการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ทุกครั้งที่พบปะผู้คน เว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอร์และการรับวัคซีนป้องกันโควิดฯ ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ ลดอาการรุนแรงและลดโอกาสการเสียชีวิตจากโควิด-19 จึงขอเชิญชวนชาวปัตตานี ที่ยังไม่ตัดสินใจรับวัคซีนฯ ติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อขอรับวัคซีนฯ และขอให้ผู้ที่รับวัคซีนฯครบ 2 เข็มแล้ว ติดต่อขอรับการฉีดกระตุ้น (เข็มที่ 3) เพื่อการเพิ่มภูมิคุ้มกันฯร่างกาย ต่อไป
ขณะที่ นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า คณะผู้แสวงบุญอุมเราะห์ไทย จำนวน 137 คน เดินทางกลับจากประเทศซาอุดีอาระเบียสู่ประเทศไทยผ่านโครงการ “Test&Go” เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตรวจพบผู้ติดเชื้อ 5 ราย ซึ่งทั้ง 5 รายนี้ ได้กักตัวและเข้ารับการรักษาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอดระเวลาที่อยู่ภูเก็ต เป็นเวลา 5 วัน
ทั้งนี้ เนื่องจากทั้ง 5 ราย เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการ จึงได้ขอเดินทางกลับไปรักษาในพื้นที่ชายแดนใต้ โดย สสจ.ภูเก็ตได้ประสานกับจังหวัดปลายทาง ให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้กลับไปรักษาภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ตามมาตราการระดับจังหวัดอย่างเข็มงวด ต่อมาในวันที่ 17 ธ.ค. ได้รับแจ้ง จากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ภูเก็ต ว่า 1 ใน 5 ราย เป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน หลังจากที่ได้เดินทางกลับไปรักษาตัวในพื้นที่แล้ว
สำหรับผู้แสวงบุญอุมเราะห์คณะนี้ ได้มีการตรวจ RT-PCR ที่ซาอุดีอาระเบียก่อนเดินทางกลับมายังประเทศไทย และได้ตรวจหาเชื้อตามมาตรการของจังหวัดภูเก็ตอีกครั้งที่สนามบินภูเก็ต หากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงได้เข้าสู่กระบวนการของกระทรวงสาธารณะสุขโดยกักตัว 14 วัน ส่วนผู้ที่ไม่ใช่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและมีผลเป็นลบ ได้เดินทางกลับไปยังจังหวัดปลายทางแล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านการควบคุมและป้องกันโรค อย่างสูงสุดคณะผู้แสวงบุญได้กักตัวเองและสังเกตอาการต่อจนครบ 14 วัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองและสังคม และขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการแพร่ระบาดเชื้อในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกและติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่