โรงแรมป่วน
แจ้งศบค.แก้
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
ติดเชื้ออีกกว่า 6 พัน ตาย49 เฝ้าระวัง 13 จว.ป่วยพุ่งศบค.เผยโรงแรมเจอปัญหาปวดหัวหลังเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ยอมใส่หน้ากาก ราชบุรีวุ่น คลัสเตอร์ศูนย์ฝึกนักเรียนนายสิบตำรวจติดเชื้อ 182 ต้องกักตัวอีกครึ่งพัน สั่งปิดศูนย์ด่วน ห้ามเข้าออก พร้อมเร่งสอบสวนสาเหตุเชื้อระบาด เนื่องจากนักเรียนนายสิบอยู่แต่ในศูนย์ 5 เดือน ไม่ได้ออกไปไหน ที่โคราชก็วุ่น พระที่เข้าสอบนักธรรมโท นักธรรมเอกติดโควิด 5 ราย ต้องกักตัวพระกลุ่มเสี่ยงอีก 160 ศบค.ชุดใหญ่ นัดถกศุกร์ 26 พ.ย.ลุ้นผับบาร์เปิดก่อนปีใหม่ สธ.ตั้งเป้าฉีดครบ 100 ล้านโดส 5 ธ.ค.นี้ ‘โมเดอร์นา’ 1 ล้านโดสที่สหรัฐบริจาคให้มาถึงไทยแล้ว
ติดเชื้อเพิ่ม6,428-เสียชีวิตอีก 49
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,428 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 5,868 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 5,732 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 133 ราย มาจากเรือนจำ 553 ราย เป็นผู้เดินทางมาจาก ต่างประเทศ 10 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,071,009 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 7,882 ราย ยอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,964,805 ราย อยู่ระหว่างรักษา 85,768 ราย อาการหนัก 1,595 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 382 ราย
เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 49 ราย เป็นชาย 29 ราย หญิง 20 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 35 ราย มีโรคเรื้อรัง 11 ราย เด็กอายุ 14 ปี เสียชีวิต 1 ราย ที่จ.ปัตตานี เป็นผู้ไม่เคย ได้รับวัคซีน 23 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม. 6 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 20,436 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 257,821,964 ราย เสียชีวิตสะสม 5,167,773 ราย
ฉีดวัคซีนแล้วจ่อ 89 ล้านโดส
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สำหรับยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 พ.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 185,639 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ทั้งสิ้น 88,989,235 โดส เป็นที่น่าสังเกตว่า มีถึง 10 จังหวัดที่ฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งครอบคลุมประชากรไม่ถึงร้อยละ 50 ได้แก่ นครพนม หนองบัวลำภู สกลนคร บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร แม่ฮ่องสอน สุรินทร์ ร้อยเอ็ด สมุทรสาคร
ส่วนจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งในกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคเรื้อรังน้อยที่สุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน นครนายก ราชบุรี สุพรรณบุรี ปัตตานี ขอนแก่น กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง จึงขอให้จังหวัดเหล่านี้เร่งระดมฉีดวัคซีนให้เพิ่มขึ้น
ห่วงเชียงใหม่ติดเชื้อพุ่ง
“สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 22 พ.ย. ได้แก่ กทม. 815 ราย สงขลา 457 ราย นครศรีธรรมราช 438 ราย ราชบุรี 289 ราย สุราษฎร์ธานี 280 ราย เชียงใหม่ 240 ราย ปัตตานี 194 ราย สมุทรปราการ 164 ราย ชลบุรี 150 ราย ยะลา 146 ราย ต้องจับตาจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเกินร้อยและมีทิศทางสูงขึ้นคือ เชียงใหม่ รวมถึงจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อไม่ถึงร้อย แต่มีทิศทางการติดเชื้อสูงขึ้น ได้แก่ เชียงราย ลำพูน พิษณุโลก และสิงห์บุรี กระทรวงสาธารณสุขกำลังเฝ้าจับตามอง ขณะที่คลัสเตอร์ที่ต้องจับตาคือ งานบุญ ที่ยังมีพบอยู่ในจ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นงานทอดกฐิน คลัสเตอร์งานศพพบที่จ.กาญจนบุรี 19 ราย อุดรธานี 7 ราย คลัสเตอร์แคมป์คนงาน พบที่จ.สระแก้ว ขอนแก่น ลำพูน เชียงใหม่ คลัสเตอร์โรงเรียนพบที่ จ.อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี ขณะที่กทม.ยังพบคลัสเตอร์โรงงาน ตลาด สถานประกอบการ”
ศบค.ถกศุกร์นี้จ่อปลดล็อกผับบาร์
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ช่วงสัปดาห์นี้ กทม.จะลงพื้นที่ตรวจสอบและกำกับสถานบริการ สถานประกอบการคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะที่มีการลงทะเบียนไว้ทั้งสิ้น 1,443 แห่ง โดยสำรวจไปแล้ว 975 แห่ง จึงขอให้ผู้ประกอบการที่ยัง ไม่ได้ลงทะเบียนไว้กับ กทม.รีบลงทะเบียนและเข้าไปตรวจสอบข้อมูลการปฏิบัติตัวในเว็บไซต์ไทยสตอปโควิด 2 พลัส เพื่อศึกษาวิธีการและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อให้ได้รับมาตรฐาน ถ้าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงสถานที่จะคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเข้าไปดูแลทำให้เหมาะสมเพื่อให้ได้มาตรฐาน SHA+ ต่อไป และสิ่งที่ดำเนินการได้ง่ายที่สุดในตอนนี้คือสำรวจบุคลากร หากพบยังไม่ฉีดวัคซีนก็ให้เร่งดำเนินการ กรณี รับบุคลากรใหม่ให้สอบถามเรื่องการฉีดวัคซีนเพื่อให้ได้รับวัคซีนสองเข็มอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ในวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. จะมีการ ประชุมศบค.ชุดใหญ่ โดยให้จับตาว่าจะมีมาตรการใดที่เกิดขึ้นบ้าง
นักท่องเที่ยวต่างชาติเมินใส่แมสก์
“ในที่ประชุมศปก.ศบค. มีจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวร่วมประชุม โดยรายงานข้อขัดข้องในการดำเนินการเปิดประเทศที่ผ่านมา อันดับแรกพบว่านักท่องเที่ยวบางราย ไม่ปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่คือการปฏิเสธสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย รวมกลุ่มสังสรรค์รับประทานอาหารร่วมกัน นำไปสู่การติดเชื้อ ต้องขอบคุณสถานประกอบการและโรงแรมที่รายงานเข้ามายังศบค. และเจ้าหน้าที่ช่วยเป็นตัวแทนประเทศไทย ช่วยสังเกตความผิดปกติ การไม่ปฏิบัติตามมาตรการ มีการตักเตือนในเบื้องต้น ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว จึงขอย้ำว่าภายใต้พ.ร.บ.โรคติดต่อของประเทศไทย การไม่สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ การรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน ถือเป็นความผิดมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท”
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันพบว่ายังมีโรงแรมที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยวเข้าเกณฑ์หลอกลวง แต่ก็มีส่วนน้อย โดยมีการรายงานในที่ประชุมว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนน้อยที่จองโรงแรมผ่านทางเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น และเป็นการจองเฉพาะห้องพัก ไม่รวมแพ็กเกจที่มีรถรับส่งสนามบิน ไม่มีการซื้อชุดตรวจ ATK หรือ RT-PCR อีก 1 ชุด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงในที่ประชุมว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมดได้ทำงานอย่างหนัก ขอความร่วมมือไปยังเว็บไซต์ว่าหากนักท่องเที่ยวดำเนินการไม่ครบถ้วน จะถูกปฏิเสธไทยแลนด์พลัส ไม่มีสิทธิ์เดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย แต่เมื่อเดินทางมาแล้ว พบว่านักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาโดยรับการอนุมัติจากคิวอาร์โค้ด ซึ่งเดินทางถึงประเทศไทยแล้วจะได้รับความไม่สะดวก ซึ่งโรงแรมก็ดำเนินการปรับตัวตาม ผ่านมา 22 วันที่เปิดประเทศ
ดังนั้นถ้าโรงแรมไหนบอกว่าไม่รู้รายละเอียดข้อปฏิบัติ ยังทำถูกต้องไม่ได้ดูแลก็จะเป็นลักษณะที่โรงแรมมีเจตนาขายเฉพาะห้องพักโดยไม่รวมรถรับส่งสนามบิน การตรวจ RT-PCR กับโรงแรมคู่ปฏิบัติการ ซึ่งกต.รายงานว่าบางโรงแรมมีเจตนาทำให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียง มีผล กระทบต่อภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นต่อการกำกับมาตรการของประเทศไทยและมีความเสี่ยง ต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ศบค. ได้รับรายงานปัญหามาโดยตลอด ดังนั้นขอความร่วมมือหน่วยงานภาคเอกชน โรงแรมที่เราจะต้องทำไปในทิศทางเดียวกันให้ถูกมาตรฐาน
กทม.สำรวจ1,443 สถานบันเทิง
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า การรายงานของ กทม.มีการสำรวจสถานบันเทิงที่ขึ้นทะเบียนใน กทม. มีทั้งสิ้น 1,443 แห่ง หากไม่อยู่ในลิสต์การขึ้นทะเบียนต้องรีบไปติดต่อ เพราะสัปดาห์นี้กทม.จะสำรวจสถานบันเทิงหรือกิจการลักษณะใกล้เคียง สำรวจเบื้องต้น 975 แห่ง และแนะนำให้สถานประกอบการเหล่านี้รีบเข้าไปดูรายละเอียดใน Thai Stop COVID Plus ของกรมอนามัย เพื่อศึกษาข้อปฏิบัติว่าจะทำให้สถานบริการเข้าเกณฑ์ COVID Free Setting ปลอดโควิดอย่างไร ถ้ายังทำไม่ได้ ไม่เป็นไร เพราะมีเวลาที่จะปรับเพื่อให้เปิดกิจการได้ หากต้องปรับเปลี่ยนสถานที่ ระบายอากาศ จะมีคณะกรรมการโรคติตด่อจังหวัดเข้าไปช่วยสนับสนุนเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน SHA Plus ได้
“ส่วนการฉีดวัคซีนสถานบันเทิง ถ้าบุคลากรยังไม่ได้รับให้รับพาไปรับโดยด่วน หากรับพนักงานใหม่ต้องสอบถามรับวัคซีนหรือยังและพาไปฉีดวัคซีน เมื่อวานฉีดไป 185,639 โดส สะสม 88.9 ล้านโดส เข็มแรก 46.7 ล้านราย คิดเป็น 64.9% ซึ่งบางจังหวัดบอกว่าหาคนไปฉีดเข็มหนึ่งยากมาก ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน การฉีดวัคซีนช่วยให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิต รับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติด้วย การเปิดประเทศปลอดภัย เข็มหนึ่งต้องฉีด ให้ได้ 100 ล้านโดส ในพ.ย. ขณะนี้ยังมี 10 จังหวัดที่ฉีดเข็มหนึ่งต่ำอยู่ ต้องเร่ง เครื่องช่วยกันอาศัยขอความร่วมมือสถาน ประกอบ การและประชาชน ได้แก่ นครพนม หนองบัวลำภู สกลนคร บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร แม่ฮ่องสอน สุรินทร์ ร้อยเอ็ด และสมุทรสงคราม” พญ.อภิสมัยกล่าว และว่า ส่วนกลุ่ม 608 มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำสุด 10 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน นครนายก ราชบุรี สุพรรณบุรี ปัตตานี ขอนแก่น กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี และอ่างทอง เน้นย้ำว่าแม้พื้นที่ติดเชื้อไม่มาก แต่หากติดเชื้อขึ้นและไม่ได้รับวัคซีนจะกลายเป็นผู้เสี่ยง ต้องขอบคุณภาคเอกชนหลายหน่วยงานช่วยกันรณรงค์ ซึ่งสธ.ทำฝ่ายเดียวไม่ได้ พยายามรณรงค์ให้ไปฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น การเปิดประเทศจะปลอดภัยอยู่ที่ความครอบคลุมวัคซีนด้วย
‘บิ๊กตู่’พอใจภาพรวมฉีดไขว้
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พอใจภาพรวมแผนการบริหารจัดการและการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไทย โดยเฉพาะวัคซีนแบบผสมผสานหรือสูตรไขว้ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดฉีดให้ประชาชนเห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสูตรไขว้ ซิโนแวค(SV) + แอสตร้าเซนเนก้า(AZ) และ SV+SV+AZ สามารถสร้างภูมิต้านทานป้องกันโควิด-19 ที่มีอาการได้ถึง 80-90% ถือว่ามากกว่าการฉีด AZ 2 เข็มที่ป้องกันโควิด-19 ที่มีอาการได้ 70-80% เห็นผลลัพธ์ในการลดอาการติดเชื้อรุนแรงหรือป่วยหนักได้เป็นอย่างดี ทำให้อัตราการ เสียชีวิตลดลงอย่างเห็นผล
ทั้งนี้ ข้อมูลการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2564-21 พ.ย.2564 มีการฉีดวัคซีนสะสม 88,873,271 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 สะสม 46.6 ล้านราย เข็มที่ 2 สะสม 39.1 ล้านราย เข็มที่ 3 สะสม 3 ล้านราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีนคิดเป็นร้อยละ 81 ของผู้มีสิทธิรับวัคซีน โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส คิดเป็นร้อยละ 59 ของประชากรรวม หรือร้อยละ 68 ของผู้มีสิทธิรับวัคซีน มี 16 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 แล้ว ประกอบด้วย กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี ชลบุรี ปทุมธานี นครปฐม เพชรบุรี กระบี่ พังงา ระนอง ระยอง ฉะเชิงเทรา ตราด และอยุธยา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าไทยจะบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ 100 ล้านโดส ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้ถึง 1 เดือน
ศูนย์ฝึกนายสิบตร.ติดเชื้อ 182
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กศูนย์ฝึกอบรม ตำรวจภูธรภาค 7 อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เผยแพร่ข้อมูลว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในศูนย์แห่งนี้รวม 182 นาย แบ่งเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจที่อยู่ระหว่างการฝึก 179 นาย จากนักเรียนนายสิบทั้งหมด 561 นาย แม่ครัวติดเชื้อ 3 คน จากทั้งหมด 14 คน
ทั้งนี้การตรวจหาเชื้อเริ่มขึ้นหลังพบนักเรียนนายสิบตำรวจรายหนึ่งมีอาการป่วย อุณหภูมิสูงผิดปกติ เจ็บคอและแน่นหน้าอก เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยการตรวจหาเชื้อเริ่มดำเนินการในวันที่ 19-20 พ.ย. ตรวจเชื้อทั้งหมด 592 ราย สำหรับผู้ที่ไม่ติดเชื้อถือเป็นผู้เสี่ยงสูง สั่งให้กักตัวเพื่อสังเกตอาการ และสั่งปิดศูนย์ฝึก ห้ามบุคคลเข้าออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้แยกออกมาเป็น 3 กลุ่ม คือผู้ที่ติดเชื้อ ผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง และผู้ที่ไม่ติดเชื้อ โดยแยกกองร้อยแบ่งมาเป็นศูนย์ CI ภายในศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้ด้วย และกำลังสอบสวนสาเหตุที่เชื้อเล็ดลอดเข้าไปภายในศูนย์ฝึกแห่งนี้
ขณะเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กำหนดจุดส่งของในสถานที่ดังกล่าว พร้อมเร่งตรวจหาเชื้อผู้เสี่ยงสูงซ้ำใน 7 และ 13 วันตามวงรอบ และส่งตัวผู้ติดเชื้อไปรักษาตัวที่ร.พ.ปากท่อต่อไป เบื้องต้นมีความสงสัยกันในหมู่ผู้ปกครองของนักเรียนนายสิบว่าเชื้อโควิด-19 แพร่เข้าไปภายในศูนย์ฝึกได้อย่างไร เพราะนักเรียนไม่ได้ออกไปไหนกว่า 5 เดือนแล้ว ทำให้ผู้ปกครองต่างเป็นห่วงบุตรหลานกันมากในขณะนี้
ตร.ภาค7แจงคลัสเตอร์ศูนย์ฝึก
ด้านกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.64 เวลา 21.00 น. ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 (ศฝร.ภ.7) สุ่มตรวจเชื้อนักเรียนนายสิบตำรวจที่มีอุณหภูมิสูงผิดปกติหรือมีอาการเจ็บคอ แน่นหน้าอก โดยใช้ชุดตรวจ ATK ผลการตรวจแสดงผลติดเชื้อรวม 39 นาย และวันที่ 19 – 20 พ.ย.64 ทีมเจ้าหน้าที่ร.พ.ปากท่อ เข้ามาดำเนินการตรวจ RT-PCR หาเชื้อรวมทั้งสิ้น 592 นาย ผลปรากฏว่า นักเรียน นายสิบตำรวจ 561 นาย ติดเชื้อ 179 นาย แม่ครัว 14 คน ติดเชื้อ 3 คน ครูฝึกและตำรวจรักษาการณ์ 17 นาย ไม่พบเชื้อ รวมผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 182 นาย
จากนั้นวันที่ 20 พ.ย.64 ตำรวจภูธรภาค 7 ประชุมหารือกับ สสจ.ราชบุรี, ผอ.ร.พ.ปากท่อและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดแนวทางและวางมาตรการในการปฏิบัติ ดังนี้ 1.ให้บรูณาการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 เป็นศูนย์พักคอย โดยคัดแยกผู้ที่มีผลการตรวจ RT-PCR พบเชื้อแบ่งกลุ่มตามอาการของผู้ป่วยสีแดง สีเหลือง สีเขียว เพื่อรองรับการรักษาในแต่ละระดับ
2.ให้ถือว่าผู้ไม่พบเชื้อ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงทั้งหมด เนื่องจากสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องจัดสถานที่กักตัว ให้มีระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ตรวจวัดอุณหภูมิ ไม่ให้รวมกลุ่มกันทำกิจกรรม และต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
3.ระมัดระวังในการจัดการขยะติดเชื้อ โดยแยกสถานที่ทิ้ง และเวลากำจัดไม่ให้ตรงกับขยะปกติ 4.วางแผนการจัดการเรื่องอาหารของนักเรียนนายสิบตำรวจ 5.ห้ามบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาในสถานที่โดยเด็ดขาด และกำหนดจุดส่งของ โดยต้องพ่นสิ่งของด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เพื่อฆ่าเชื้อ 6.เตรียมแผนการขนส่งผู้ติดเชื้อไป ร.พ.ปากท่อ ในกรณีที่มีความจำเป็น 7.ตรวจหาเชื้อซ้ำ ภายใน 7 วัน และ 13 วัน ตาม วงรอบที่สาธารณสุขกำหนด 8.ประชา สัมพันธ์มาตรการป้องกันการติดเชื้อบริเวณโดยรอบศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7
นร.โคราชติดเชื้อ 156
นพ.สมบัติ วัฒนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เผยว่า จ.นครราชสีมาพบผู้ป่วยรายใหม่ 79 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยในพื้นที่ ผู้ป่วยสะสม 32,107 ราย รักษาหาย 30,269 ราย ยังรักษา 1,588 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นชายอายุ 52 ปี ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ประวัติสัมผัสผู้ป่วยและมีโรคประจำตัวไตวายเรื้อรัง ผู้เสียชีวิตสะสม 250 ราย ส่วนสถานการณ์ในทั้งเรือนจำกลางนครราชสีมาและทัณฑสถานหญิง อ.สีคิ้ว ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ รักษาหาย 2,131 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,447 ราย
ด้านน.ส.วราภรณ์ บุญเจียม รองศึกษา ธิการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยสถานการณ์การเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ของสถานศึกษาทั้งในและนอกระบบของรัฐและเอกชนในพื้นที่ 32 อำเภอ ของจ.นครราชสีมา จำนวน 1,726 แห่ง ว่า ภาพรวมสถานศึกษาทยอยเปิดสอนออนไซต์และออนไลน์ รวมทั้งการสอนแบบคู่ขนานมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. จำนวน 1,365 แห่ง คิดเป็น 79.08% โดยเป็นไปตามสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่และขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อ ล่าสุดรับรายงานมีนักเรียนติดเชื้อ 156 ราย และครูสอน 8 ราย ส่วนเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียน 155,921 คน ได้รับการฉีดวัคซีน 155,694 คน คิดเป็น 97.97% อย่างไรก็ตาม นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา สั่งการเจ้าหน้าที่กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สสจ.นครราชสีมาดำเนินการสอบสวนผู้ป่วยซึ่งเป็นนักศึกษา 2 ราย ที่มีประวัติเชื่อมโยงติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและสับสนของผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

ป่วยโควิด – เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนำพระภิกษุ 5 รูปที่ป่วยติดเชื้อโควิดไปรักษา หลังตรวจพบขณะมาร่วมสอบธรรมสนามหลวง ที่วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา เผยเคสนี้มีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องตรวจอีก 160 ราย เมื่อวันที่ 22 พ.ย.
พระสอบนักธรรมโคราชติดเชื้อ 5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าสาลวัน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งใช้เป็นสนามสอบนักธรรมชั้นโท-เอกของพระในนิกายธรรมยุตทั่วจ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ย.64 พบพระที่เดินทางมาสอบติดโควิด-19 จำนวน 5 รูป หลังมีการตรวจหาด้วย ATK จากพระที่เดินทางมาสอบของทางศูนย์แพทย์ชุมชนเมือง 2 ร.พ.มหาราชนครราชสีมา ก่อนส่งตัวไปตรวจหาด้วยการทำ RT-PCR ที่ร.พ.มหาราชนครราชสีมา หลังจากการตรวจด้วย RT-PCR แล้วมีการยืนยันผลพบมีพระติดโควิด 5 รูป
เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมานำตัวพระที่ติดโควิด-19 ทั้งหมดไปกักตัวที่ศูนย์พักคอยวัดสัมปัตตะวนาราม ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมาแล้ว นอกจากนี้ทางศูนย์แพทย์ชุมชนเมือง 2 ร.พ.มหาราชนครราชสีมากำลังเร่งตรวจค้นหาด้วย ATK กับทางพระที่เดินทางมาสอบซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงอีก 160 รูป
เชียงใหม่ปิดเพิ่ม 2 จุดเสี่ยง
ด้านนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ลงนามคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงอีก 2 แห่ง ในอ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วยบ้านเลขที่ 199/599 หมู่ที่ 2 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย และปิดหอพักลุงแดง ป้าพา เลขที่ 95 หมู่ที่ 13 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. – วันที่ 2 ธ.ค. 2564 เพื่อให้การควบคุมและป้องกันโรคในพื้นที่
ทั้งนี้ให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกรายเข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 หากผลตรวจเป็นลบให้กักตนเอง 14 วัน ส่วนกลุ่มเสี่ยงต่ำให้คุมไว้สังเกตอาการ 14 วัน
สงขลายังหนักป่วยอีก 457
สำนักงานสาธารณสุขสงขลารายงานว่า พบผู้ติดเชื้อ 457 ราย ติดเชื้อสะสม 59,077 ราย ยังอยู่อันดับ 2 ของประเทศ และอันดับ 1 ของ 14 จังหวัดภาคใต้ เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย เสียชีวิตสะสม 244 ราย สถิติสูงที่สุดของภาคใต้ และนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 6,000 ราย โดยผู้เสียชีวิตมาจากลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและมีโรคประจำตัวเรื้อรัง ภูมิลำเนาในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน อ.เทพา จะนะ นาทวี และอ.สะบ้าย้อยเปอร์เซ็นต์สูง
สถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มี 4 จังหวัดมีสัญญาณที่ดี มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลง จ.ปัตตานี 194 ราย จ.นราธิวาส 96 ราย จ.สตูล 82 ราย จ.ยะลา 146 ราย ยังเหลือจ.สงขลาที่ยอดผู้ติดเชื้อไม่ลด สูงติดอันดับ 2 และ 3 ของประเทศติดต่อกันเกือบ 2 เดือนแล้วมียอดผู้เสียชีวิตยังสูง ซึ่งเป็นปัญหาในการเปิดเมืองท่องเที่ยวในกลางเดือนธ.ค.และเทศกาลปีใหม่ ประชาชนจะหวาดกลัว ไม่กล้าร่วมกิจกรรม ทั้งที่รณรงค์ฉีดวัคซีนมีประชาชนได้รับวัคซีนแล้ว 73%กลุ่มเป้าหมาย 1.4 ล้านคน
สธ.ยันไม่พบสายพันธุ์ใหม่ในไทย
ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ ร.พ.รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวถึงโควิดสายพันธุ์ใหม่ B.1.640 ว่า จากการติดตามข้อมูลโควิดสายพันธุ์ใหม่ B.1.640 ที่พบในฝรั่งเศสนั้น ขณะนี้สามารถควบคุมได้ ไม่มีการแพร่ระบาด ส่วนที่พบบางส่วนในสหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ สกอตแลนด์ อิตาลี มีจำนวนเพียงหลักหน่วย เนื่องจากการสัญจรไปมาของคน ถือว่าน้อยมาก ไม่ถือว่ามีการระบาด องค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงหน่วยงานควบคุมโรคแต่ละประเทศไม่จัดว่าเป็นการระบาดของสายพันธุ์นี้ เพียงแต่เฝ้าระวัง เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ที่แตกต่างไปจากสายพันธุ์เดลตา อัลฟา เบตา แกรมมา เหมือนคนหน้าใหม่ที่สามารถติดต่อได้รวดเร็ว แต่ไม่สามารถฝ่าด่านเดลตาที่ครองพื้นที่ขณะนี้ได้ เนื่องจากหลายคนมีภูมิต่อเดลตาไม่มากก็น้อย ดังนั้นโอกาสที่สายพันธุ์ใหม่ B.1.640 จะมาเป็นดาวรุ่งจึงค่อนข้างยาก
“ต้นกำเนิดสายพันธุ์ B.1.640 มาจากแอฟริกา จึงต่างจากสายพันธุ์ในยุโรป ในแอฟริกามีการระบาดเป็นหย่อมๆ เพียงแต่เราไม่รู้ เพราะไม่มีการนำตัวอย่างมาถอดรหัสพันธุกรรม ทำให้หลบหลีกการตรวจจับ ดังนั้นหากมีคนจากแอฟริกาเดินทางมาก็สามารถที่จะนำสายพันธุ์นั้นๆ เข้ามาทำให้เป็นสายพันธุ์ใหม่ ทั้งที่ความจริงเป็นสายพันธุ์เก่าของแอฟริกา ซึ่งสายพันธุ์ B.1.640 ที่ระบาดในโรงเรียนแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส จุดเริ่มต้นมาจากคนจากแอฟริกาเดินทางมาเยี่ยมเยียน จึงแพร่ระบาดในวงแคบ อาจจะเป็นเพราะกลุ่มเด็กหรือประชาชนบริเวณนั้นยังไม่ฉีดวัคซีน หากได้รับวัคซีนครบโดส 2 เข็มโอกาสติดเชื้อยากมาก ส่วนประเทศไทยยังไม่พบสายพันธุ์ B.1.640 นี้”
ชี้‘เดลตา’ยังครองทั่วไทย
ศ.ดร.วสันต์กล่าวด้วยว่า สำหรับสายพันธุ์ที่ครองพื้นที่ในประเทศไทย ขณะนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยของเดลตา คือเป็นการกลายพันธุ์เล็กๆ น้อยๆ จากสายพันธุ์หลัก มีรายละเอียดเล็กน้อยที่แตกต่างทางพันธุกรรมเท่านั้น ตำแหน่งการกลายพันธุ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนามแหลม จึงไม่มีผลกับวัคซีน ทำให้เบาใจไม่น่ากังวล ยังเหมือนกับสายหลัก จึงไม่ได้มีการตั้งชื่อเรียกใหม่ ในประเทศไทยขณะนี้มีเดลตาครองพื้นที่ประมาณกว่า 90% อัลฟา 3% เป็นเดลตาสายพันธุ์ย่อยที่เรียกว่า AY จุดต่างๆ 2-3 สายพันธุ์จากทั้งหมดที่มีประมาณ 50 สายพันธุ์ย่อย เช่น AY.30 ประมาณ 40% AY.39 ประมาณ 8%
“ทั่วโลกเริ่มเข้าสู่โหมดมองไปข้างหน้าที่เห็นว่าจะเป็นโรคประจำถิ่น อย่างสหรัฐอเมริการะบุหากประชาชนให้ความร่วมมือฉีดวัคซีน ปีหน้ารับรองจะเบาบางลงมาก ของไทยค่อนข้างมั่นใจดูจากกราฟข้อมูลต่างๆ ก็อยู่ในช่วงลง เนื่องจากเกิดภูมิคุ้มกันทั้งจากธรรมชาติและจากวัคซีน ทำให้การติดเชื้อน้อยลง อย่างไรก็ตาม บางประเทศในยุโรปหรือสหรัฐ ที่มีการระบาดขณะนี้ เป็นการระบาดที่เป็นไลฟ์สไตล์อีกแบบ
เนื่องจากทั้งสหรัฐ และยุโรปมีความเชื่อมั่นการใช้วัคซีนชนิด mRNA ที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่มีวัคซีนรูปแบบอื่น จึงมีคนบางกลุ่มที่มองว่าการฉีดวัคซีนชนิด mRNA อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ ขณะที่ไม่มีวัคซีนทางเลือกอื่น จึงต่อต้านที่จะฉีดวัคซีน ไม่เหมือนประเทศไทยมีหลายรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ให้สอดคล้องกับบริบทสุขภาพ ทุกคนจึงอยากฉีดวัคซีน หรือในเยอรมนีมีสวัสดิการหลักประกันสุขภาพที่หากติดเชื้อก็ยังมีเงินใช้จากรัฐจึงไม่เดือดร้อน”
ไม่เกิน 5 ธ.ค.ฉีดครบ 100 ล.โดส
วันเดียวกัน ที่โรงแรมท็อปแลนด์ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ จ.พิษณุโลก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานประชุม เชิงปฏิบัติการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศและการระบาด ของโรคโควิด-19 ปีงบประมาณ 2565 ภาคเหนือ โดยมีนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหาร สธ. คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กระทรวงต่างๆ และผู้แทนภาค ธุรกิจเข้าร่วม ทั้งในรูปแบบออนไซต์ และออนไลน์
นพ.โอภาส กล่าวว่า วันนี้เราฉีดวัคซีนไปทั้งหมด 88.9 ล้านโดส และกำลังใส่ข้อมูลเพิ่มเติมอีกล้านกว่าคน รวมฉีดวัคซีนแล้วกว่า 90 ล้านโดส ตามที่นายกฯ ต้องการเร่งให้ฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดส คาดว่าได้ครบไม่เกินวันที่ 5 ธ.ค. เชื่อว่าการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ไม่ควรมีผู้เสียชีวิต หรือเจ็บป่วยรุนแรงจนเกินขีดความสามารถของสธ. ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากวัคซีนจริงๆ ไม่ถึง 5 คน ในร้อยล้านโดส
ส่วนการเสียชีวิตอื่นๆ ไม่พบว่าเกี่ยวกับวัคซีน แต่เป็นสาเหตุที่เกิดร่วมกัน และย้ำอีกครั้งว่า อาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนไม่เท่ากับผลข้างเคียงหรือแพ้วัคซีน
“สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน สธ.จะเร่งปูพรมลงไปค้นหา โดยให้อสม.ไปเคาะประตูบ้าน รวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนไปนานแล้วก็ต้องเข้ามารับบูสเตอร์ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่ประกาศฉีดบูสเตอร์ ตอนนี้ฉีดแล้ว 3-4 ล้านคน เพราะการระบาดเกิดจากภูมิที่ลดลงด้วยส่วนหนึ่ง รัฐบาลได้เตรียมวัคซีนไว้ 120 ล้านโดส เข็ม 3 มีพอแน่นอน และเผื่อไปเข็ม 4 นอกจากนี้ ยังมี วัคซีนโมเดอร์นาอีก 1 ล้านโดสจะเข้ามาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 14.00 น. และจะจัดสรรวัคซีนต่อไป ขอยืนยันว่าเรามีวัคซีนอย่างเพียงพอ” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่สำคัญ ในการควบคุมโรคโควิด 19 คือ 1.กลไก เชิงนโยบาย 2.ความรู้เชิงวิชาการ 3.ภาคปฏิบัติผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สามารถออกนโยบายให้เหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่ และอยากให้แต่ละจังหวัดมีแผนปฏิบัติการในการจัดการกับโรค โดยเฉพาะแผนเปิดประเทศ ทั้งด้านการป้องกันควบคุมโรค รวมถึงการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานกิจการต่างๆ ดำเนินการ ต่อไปได้
สธ.จับตา 13 จว.ติดเชื้อสูง
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 แนวโน้มผู้ติดเชื้อยืนยันคงที่ ผู้ป่วยอาการหนักลดลง ผู้เสียชีวิตยังอยู่ในหลักสิบราย โดยจังหวัดที่มีแนวโน้มต้องจับตามองเป็นพิเศษมี 13 จังหวัด แบ่งเป็น 1.ติดเชื้อเฉลี่ยเกิน 100 รายต่อวัน และผลตรวจ ATK มากกว่า 5% มี 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี กระบี่ และนครศรีธรรมราช 2.ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยเกิน 100 รายต่อวัน และผลตรวจ ATK น้อยกว่า 5% มี 3 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น สระแก้ว และนครราชสีมา และ3.ติดเชื้อเฉลี่ย 50-100 รายต่อวัน มี 5 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี อุบลราชธานี อุดรธานี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ปัจจัยการติดเชื้อในช่วงนี้ส่วนใหญ่มาจากในชุมชน ครอบครัว กิจกรรมเสี่ยง ได้แก่ งานศพ งานบุญ งานเลี้ยงสังสรรค์ และสถานที่เสี่ยง ได้แก่ ตลาด แคมป์คนงาน โรงงาน เรือนจำ โรงเรียน
“หลายจังหวัดพบการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีแรงงานต่างด้าว ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว และจับตาดูแนวโน้มผู้ติดเชื้อหลังงานลอยกระทงที่เพิ่งมีการจัดงานจบไป ต่อเนื่องจนถึง ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะจากยุโรปซึ่งพบการติดเชื้อสูงขึ้น” นพ.เกียรติภูมิกล่าว
น.ร.ฉีดแล้ว 3.6 ล้านคน
ด้านนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จากข้อมูล 21 พ.ย.ที่ผ่านมา จำนวนนักเรียนนักศึกษาอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศ มี ผู้ประสงค์ฉีด 4,062,239 คน จากนักเรียนทั้งหมด 5,085,460 คน เข็ม 1 ฉีดแล้ว 3,686,476 คน คิดเป็น 90.75% และเข็ม 2 ฉีดแล้ว 1,674,270 คน คิดเป็น 41.22% แยกเป็นภาคใต้ เข็ม 1 ฉีดแล้ว 93% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 51% ภาคเหนือ เข็ม 1 ฉีดแล้ว 89% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 49% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข็ม 1 ฉีดแล้ว 86% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 36% ภาคตะวันออก เข็ม 1 ฉีดแล้ว 94% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 51% ภาคตะวันตก เข็ม 1 ฉีดแล้ว 96% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 36% และภาคกลาง เข็ม 1 ฉีดแล้ว 93% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 37%
“ที่ผ่านมาหลังจากเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 วันที่ 1 พฤศจิกายน แม้ ศธ.และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกันทำแผนเผชิญเหตุให้โรงเรียนไปปฏิบัติตามหากพบผู้ติดเชื้อในโรงเรียน เช่น หากพบนักเรียนติดเชื้อ 1 คน ให้ปิดห้องเรียนเพื่อฆ่าเชื้อ และกักตัวกลุ่มเสี่ยงต่อไป จะไม่ปิดโรงเรียนเหมือนที่ผ่านมาแล้ว แต่ที่ผ่านมาพบว่าบางโรงเรียน เมื่อพบนักเรียนติดเชื้อ 1 คน ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้สั่งให้ปิดทั้งโรงเรียน ไม่ได้ทำตามแผนเผชิญเหตุที่ศธ.และสธ.ได้วางไว้ เพราะทางจังหวัดอาจจะกังวลความปลอดภัยของนักเรียน ซึ่งจุดนี้จะเร่งทำความเข้าใจต่อไปว่าแม้จะพบเด็กติดเชื้อ 1 คน ไม่จำเป็นต้องปิดทั้งโรงเรียนเหมือนที่ผ่านมาแล้ว”
โมเดอร์นา 1ล. โดสถึงไทย
วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เผย แพร่ภาพของวัคซีนโมเดอร์นา 1 ล้านโดส ที่สหรัฐบริจาคให้ ระบุว่าเดินทางถึงประเทศ ไทยแล้วในวันนี้ ลงในบัญชีโซเชี่ยลมีเดีย ของสถานทูต
โดยนายไมเคิล ฮีธ อุปทูต รักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย, นายวิชชุ เวชชาชีวะ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ และนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีรับวัคซีน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายไมเคิล ฮีธ กล่าวว่า “การจัดส่งครั้งใหม่นี้เน้นย้ำถึงการสนับสนุนที่สหรัฐมีให้แก่ไทย ขณะที่เราทั้งสองชาติยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อเอาชนะการระบาดใหญ่ทั่วโลกนี้ วัคซีนล็อตแรกของเราช่วยไทยควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 และล็อตที่สองนี้จะช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนประชากรให้ได้ร้อยละ 70 ภายในเดือนม.ค.นี้ อันเป็นการ ปูทางสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ”



