ปัตตานี – โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 แจงกรณีลุยตรวจดีเอ็นเอชาวบ้าน เพื่อนำมาเทียบเคียงดีเอ็นเอที่พบในปอเนาะ จ.ปัตตานี หลังปะทะเดือด ขณะที่ JASAD เรียกร้องยุติตรวจช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19
จากกรณีเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD) รายงานเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารประมาณ 11 คันรถกระบะ ได้เดินทางไปที่สถาบันปอเนาะมะอูฮัดซูบูลุซซาลาม บ้านชะเมาสามต้น ต.เตราะบอล อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้โต๊ะครู หรือบาบอเจ้าของโรงเรียนปอเนาะทราบไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อให้บาบอประสานเด็กปอเนาะบางส่วนที่กลับบ้าน เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักในห้วงที่ผ่านมา และในห้วงเวลานี้ให้เดินทางมาที่ปอเนาะอีกครั้ง เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะขอเก็บดีเอ็นเอเด็กนักเรียนปอเนาะเหล่านั้นด้วย
ล่าสุด วันนี้ (24 ก.ค.) พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวชี้แจงว่า กรณีที่มีการนำกำลังเข้าไปยังบริเวณสถาบันปอเนาะมะอูฮัดซูบูลุซซาลาม บ้านชะเมาสามต้น ต.เตราะบอล อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อดำเนินการตรวจดีเอ็นเอของผู้ที่อยู่อาศัยในปอเนาะ สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการบังคับใช้กฎหมายจนเกิดเหตุยิงปะทะกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เป็นเป้ และตรวจพบดีเอ็นเอซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของใคร จึงได้ประสานทุกฝ่ายทั้งทหาร ปกครอง และตำรวจ รวมทั้งบาบอเพื่อขอดำเนินการตรวจดีเอ็นเอเพื่อนำมาเทียบเคียง เป็นลักษณะของการสืบสวนสอบสวนที่ทำกันทั่วไป และบาบอได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ได้ไปบังคับ ซึ่งถ้าที่อื่นจะต้องไปทำกันที่สถานีตำรวจ แต่เกรงว่าภาพเด็ก คนชราเข้าสถานีตำรวจมันจะไม่ดี จึงประสานกับบาบอ อยากให้เรื่องจบเร็วๆ และเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของบาบอด้วย ก็เลยประสานทุกฝ่ายมาดำเนินการที่ปอเนาะ ไม่ได้เข้าไปข่มขู่หรือบังคับ ชาวบ้านยิ้มแย้ม กินข้าวร่วมกัน ทุกคนเต็มใจ และไม่ได้มีปัญหาอะไร ระหว่างปฏิบัติภารกิจเจ้าหน้าที่ได้ใส่หน้ากากอนามัยทุกคน ซึ่งวันเกิดเหตุมีคนหนีไปได้ด้วย เราไม่รู้ว่าใคร แต่ถ้าเรารู้ว่าใครจะได้ติดตาม หรือดำเนินการไปตามขั้นตอนต่อไป ถ้าเอาดีเอ็นเอมาเทียบเคียงแล้วไม่ใช่ของคนที่อยู่อาศัยในนั้น ก็อาจสามารถปิดคดีนี้ได้
ด้าน น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวได้ประสานไปยัง ผบ.ฉก.ปัตตานี บอกว่าจะดูให้ แล้วก็หายไปเลย จากนั้นได้ประสานไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่าตนลงพื้นที่ตลอดไม่กลัวโควิด-19 รับฟังชาวบ้านตลอด เรื่องการปฏิบัติการทางทหาร ถ้าไม่จำเป็นเราจะไม่ดำเนินการ รับปากว่าจะตรวจสอบให้ คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายอาจมีอคติทางเชื้อชาติในการปฏิบัติหน้าที่ ฝ่ายงานวิจัย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกับแนวคิด Racial profiling ซึ่งใช้อธิบายปฏิบัติการที่เจ้าพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมาย นำเอาเชื้อชาติ สีผิว ความเป็นชาติพันธุ์หรือชนเผ่าพื้นเมือง มาเป็นเหตุผลในการเพ่งเล็ง จับตามองคนเฉพาะกลุ่มมากเป็นพิเศษ
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่รายหนึ่ง เปิดเผยว่า เขามาเยอะมาก นึกว่าจะมาเอาโต๊ะครูหรือบาบอไปอีก ไม่รู้ว่าทำไมไม่จบสักที มันน่ากลัวมาแบบนี้ ตอนนี้ก็โควิด-19 ด้วย ห้ามรวมตัวเกิน 5 คน แต่นี้มานับจำนวนไม่ถูก เรื่องตรวจดีเอ็นเอ แม้เราไม่ใช่คนร้ายเราก็กลัว ชาวบ้านกลัว เขาสามารถเอาดีเอ็นเอของเราไปทำอะไรก็ได้ เพราะทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นมิตรกับชาวบ้านอยู่แล้ว มันทำให้ชาวบ้านระแวง บอกตรงๆ กลัวเอาไปทำไม่ดี ยัดคดีใส่จะเดือดร้อนอีก