วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2025
  • Login
ปัตตานี
  • ปัตตานี
  • ข่าว
  • กิจกรรม
  • หางาน
  • ธุรกิจ
  • ร้านค้า
  • วิถีชีวิต
    • คนสำคัญ
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • สถานศึกษา
  • ผู้สนับสนุนเว็บ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
  • ปัตตานี
  • ข่าว
  • กิจกรรม
  • หางาน
  • ธุรกิจ
  • ร้านค้า
  • วิถีชีวิต
    • คนสำคัญ
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • สถานศึกษา
  • ผู้สนับสนุนเว็บ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
ปัตตานี
No Result
View All Result
Home ข่าว

จับพิรุธ “หมายจับเสี่ยโจ้” ไม่ใช่แค่ซุก แต่มีหมายก็ไม่จับ

ปัตตานี by ปัตตานี
4 ปี ago
in ข่าว
Reading Time: 2min read
158
0
100
SHARES
199
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterSent to LINE friend

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 21 พฤศจิกายน 2564 เวลา 22:04 น.

warrantjoe211112

กรณี “ซุกหมายจับเสี่ยโจ้” กำลังสะท้อนปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย โดยเฉพาะในชั้นก่อนฟ้อง 

เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พ.ย.64 ตำรวจสอบสวนกลางแถลงจับ “เสี่ยโจ้” ในลักษณะแถลงข่าวใหญ่ มีการทำฉากแบ็คดรอป เขียนข้อความว่า “เสี่ยโจ้ ปัตตานี เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน” และตำรวจยังมีการให้ข่าวกับสื่อมวลชนทำนองว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

การจับกุมเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางคืนของวันพฤหัสฯที่ 4 พ.ย.64 โดยใช้หมายจับในคดีฟอกเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน เป็นหมายจับของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

หลังการแถลงข่าว ได้มีการคุมตัว “เสี่ยโจ้” ไปส่งอัยการจังหวัดสงขลา แต่มีการให้ข่าวในวันที่ 6 พ.ย.64 ซึ่งเป็นวันเสาร์ว่า คุมตัว “เสี่ยโจ” ส่งอัยการสงขลา เพื่อบังคับโทษในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุก “เสี่ยโจ้” เรียบร้อยแล้ว

“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบข้อมูลนี้ และพบประเด็นน่าสงสัยว่า หากนำตัว “เสี่ยโจ้” ไปบังคับโทษตามคำพิพากษา น่าจะต้องส่งอัยการจังหวัดปัตตานีมากกว่า ไม่ใช่อัยการจังหวัดสงขลา เนื่องจากคำพิพากษาของศาลที่ให้จำคุก “เสี่ยโจ้” เป็นคำพิพากษาของศาลจังหวัดปัตตานี (ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์)

หากย้อนเวลากลับไป “เสี่ยโจ้” เคยถูกทหารกองทัพภาคที่ 4 ค้นบ้าน ค้นสำนักงานใน จ.ปัตตานี มาตั้งแต่ช่วงปี 2555 เพราะสงสัยว่าเป็นเครือข่าย “ภัยแทรกซ้อน” ซึ่งหมายถึงเป็นผู้ค้าของผิดกฎหมาย (น้ำมันเถื่อน) แล้วนำเงินส่วนหนึ่งไปสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบ ในลักษณะให้เคลื่อนไหวเกื้อหนุนกัน เช่น ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่หนึ่ง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ จะได้เปิดทางโล่งในอีกพื้นที่หนึ่งเพื่อขนน้ำมันเถื่อนได้อย่างสะดวก

แต่ข้อกล่าวหานี้ไม่มีหลักฐานชัดเจนเอาผิด “เสี่ยโจ้” ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับ “เสี่ยโจ้” ด้วย

ความพยายามดำเนินคดี “เสี่ยโจ้” ในข้อหาอื่นๆ ยังมีอีกหลายข้อหา มีการนำกำลังเข้าค้นบ้านอีกหลายครั้ง มีการย้อนดูคดีเก่าที่เคยโดนแจ้งความและออกหมายจับ ทั้งหวยเถื่อน ค้าไม้เถื่อน และมีข่าวครึกโครมเรื่องการพบ “บัญชีส่วย” ที่จดบันทึกตัวเลขการจ่ายเงินนอกระบบให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยต่างๆ โดยเฉพาะตำรวจ และดีเอสไอ มีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักล้าน

รายการที่มียอดจ่ายสูงสุดคือ 12 ล้านบาท ระบุตำแหน่งผู้รับเอาไว้ชัดเจน เป็นตำรวจระดับผู้บังคับการ ซึ่งเรื่องบัญชีส่วยถูกนำมาเปิดเผยหลังจากนั้นโดยฝ่ายตำรวจเอง นัยว่าเพื่อโค่นเครือข่ายตำรวจที่มีอำนาจล้นมือในยุคนั้นให้พ้นทาง แต่การดำเนินคดี “เสี่ยโจ้” ในส่วนนี้ กลับไม่มีแม้การแจ้งข้อกล่าวหา

คดีของ “เสี่ยโจ้” ซึ่งต่อมามีการสรุปรวบรวมออกมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันมีอยู่ 14 คดี เกือบทั้งหมดวนเวียนอยู่ในชั้นสอบสวน คือเงียบหาย ออกหมายเรียกแล้วไม่มา หรืออัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่มีอยู่คดีหนึ่งที่ค่อนข้างมีน้ำหนักชัดเจน เพราะพบหลักฐานคาสำนักงาน นั่นก็คือคดีใช้ดวงตราประทับไม้ปลอมสำหรับเคลื่อนย้ายไม้ คดีนี้เดินไปถึงชั้นศาล และศาลจังหวัดปัตตานี (ศาลชั้นต้น) มีคำพิพากษาให้จำคุก “เสี่ยโจ้” 1 ปี 9 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2557 ซึ่ง “เสี่่ยโจ้” ต้องเข้าคุกทันที ทว่าเจ้าตัวกลับหลบหนี โดยมีตำรวจพาหนีไปจากอาคารศาล

คดีนี้ศาลออกหมายจับในวันเดียวกัน และต่อมาในวันที่ 26 พ.ค.2558 มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลย พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 9 เดือน ทำให้คดีถึงที่สุด ซึ่งศาลก็ออกหมายจับอีก 1 หมาย ให้ตำรวจเร่งติดตามตัว “เสี่ยโจ้” มารับโทษตามคำพิพากษา จากนั้นเรื่องราวของ “เสี่ยโจ้” ก็เงียบหายไป มีข่าวว่าเขาหลบไปอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนตำรวจที่พาหนีมียศ “ดาบตำรวจ” ก็ถูกสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการ และมีการดำเนินคดี “เสี่ยโจ้” อีก 1 คดี ในข้อหาหลบหนีจากที่คุมขังศาล แต่สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีไปแบบเงียบๆ โดยให้เหตุผลว่าขณะที่ “เสี่ยโจ้” หนี เขาไม่ได้อยู่ในที่คุมขัง เพราะขออนุญาตตำรวจออกไปซื้อของหน้าศาล (เหตุผลนี้เมื่อภายหลังมีการรายงานเป็นข่าว ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่รับรู้รับทราบ)

ต่อมาในปี 2560 มีคนเห็น “เสี่ยโจ้” กลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านใน จ.ปัตตานี เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องรู้ไปถึงสื่อ จึงมีการตีข่าวจนเป็นเรื่องใหญ่โต มีนักข่าวไปถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร ตอบทำนองว่า “เสี่ยโจ้” กลับมาได้เพราะมอบตัวทุกคดีแล้ว และได้รับประกันตัว ซึ่งข้อมูลนี้ก็ตรงกับที่ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีชี้แจงกับสื่อมวลชน (แบบไม่ค่อยสบอารมณ์ที่มีสื่อรู้เรื่องเสี่ยโจ้กลับบ้าน)

แต่ปัญหาก็คือ มีคดีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้ “เสี่ยโจ้” รับโทษ ซึ่งคดีนี้ตำรวจไม่มีอำนาจให้ประกันตัว ตำรวจจึงมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือคุมตัว “เสี่ยโจ้” ส่งศาลเพื่อรับโทษจำคุกตามคำพิพากษา แต่ตำรวจก็ไม่ได้ทำ และไม่มีคำตอบใดๆ หลังจากนั้น มีแต่ความไม่พอใจเมื่อถูกจี้ถาม จนสุดท้ายเรื่องก็ค่อยๆ เงียบหายไป

ตัดกลับมาเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2564 ตำรวจสอบสวนกลางแถลงข่าวจับกุม “เสี่ยโจ้” และอ้างว่าได้นำตัวส่งอัยการจังหวัดสงขลา เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาของศาล จึงไม่เป็นความจริง เพราะเป็นคดีคนละจังหวัดกัน เมื่อสื่อมวลชนตรวจสอบเชิงลึกจึงทราบว่า “เสี่ยโจ้” ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระไปแล้ว เนื่องจากคดีฟอกเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จึงไม่มีอำนาจการควบคุมตัว ขณะที่หมายจับอื่นก็ไม่มีปรากฏในสารบบ รวมทั้งหมายจับที่ให้ไปรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดปัตตานีด้วย

ช่วงที่ข่าวนี้ถูกปูดออกมาใหม่ๆ ทางตำรวจพยายามชี้แจงว่า ได้ประสานขอหมายจับจากศาลจังหวัดปัตตานีแล้ว ปรากฏว่าทางศาลไม่มีหมายจับให้ จึงไม่สามารถควบคุมตัว “เสี่ยโจ้” ต่อได้ กว่าจะได้สำเนาหมายจับอย่างเป็นทางการก็เป็นวันที่ 8 พ.ย.64 (วันจันทร์) ทำให้ “เสี่ยโจ้” หนีหายไปอีกรอบ

ร้อนถึงสำนักงานศาลยุติธรรมต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ศาลได้ออกหมายจับ 2 หมายในคดีใช้ดวงตราประทับไม้ปลอม และส่งให้ตำรวจแล้วทั้ง 2 หมาย โดยตำรวจมีหน้าที่สืบสวนจับกุมตัวจำเลยกลับมารับโทษตามคำพิพากษา ฉะนั้นปัญหาจึงอยู่ที่ตำรวจ ไม่ใช่ศาล และตำรวจต้องมีหมายจับอยู่กับฝ่ายตัวเอง เนื่องจากรับหมายจากศาลไปแล้ว ไม่ใช่มาขอสำเนาจากศาลอีก แล้วอ้างว่าเป็นเหตุทำให้ไม่ได้ตัวจำเลย

งานนี้จึงวนกลับมาที่ฝ่ายตำรวจ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงมีคำสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง สอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้

ผลสอบที่แถลงออกมาเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 18 พ.ย. สร้างความงุนงงสงสัยให้กับสังคม เพราะผลการสอบสวนสรุปได้แบบนี้

-คนที่ซุกหมายจับ เป็นพนักงานสอบสวนคนหนึ่ง ไม่ยอมบอกชื่อ

-ได้รับหมายจับจากศาล เพราะไปที่ศาลพอดี

-ได้หมายมาแล้ว เก็บไว้ ลืมนำเข้าสารบบหมายจับ

-เป็นตำรวจมาช่วยราชการ ตอนนี้ย้ายกลับภูธรภาค 3 แล้ว

-ถ้าจะสอบวินัย เป็นหน้าที่ของภูธรภาค 3

-ย้ำว่ามีคนบกพร่องเพียงคนเดียว คือพนักงานสอบสวนคนที่ว่านี้

จากข้อเท็จจริงทั้งหมดตลอด 7 ปีที่ไล่เรียงมา ประกอบกับคำชี้แจงของตำรวจภูธรภาค 9 ทำให้เกิดคำถามว่ากรณีที่หมายจับ “เสี่ยโจ้” ไม่ถูกนำเข้าสารบบ จน “เสี่ยโจ้” หนีหายไปได้อีกรอบนั้น เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เพราะลืม เพราะไม่มีหน้าที่ (ไปที่ศาลพอดี เลยรับหมายจับมา) จึงผิดแค่ “บกพร่อง” แค่นั้นหรือ?

เหตุใดฝ่ายตำรวจจึงไม่สืบสวนต่อไปให้ชัดว่า เรื่องนี้เป็น “ขบวนการซุกหมายจับ” หรือไม่ เพราะต้องไม่ลืม “บัญชีส่วย” ที่ค้นได้จากบ้าน “เสี่ยโจ้” ซึ่งโยงตำรวจหลายหน่วย ทุกระดับ

น่าคิดว่าผลสอบสวนของภาค 9 มีนัยกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เป็นแค่ความ “บกพร่อง” ของคนคนเดียวหรือไม่ แถมยังโยนเรื่องการสอบสวนไปที่ตำรวจภูธรภาค 3 จน ผบช.ภ.3 ต้องโวยว่าไม่ใช่หน้าที่ (โยนกลองกันไปมา) สรุปก็คือป่านนี้ยังไม่มีการตั้งเรื่องสอบใคร แถมสังคมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำรวจที่ไม่ยอมนำหมายจับผู้ต้องหาคนสำคัญลงระบบ เป็นใคร (ผิดกับเวลาจับกุมชาวบ้านกระทำผิดได้ รีบแถลงเปิดชื่อ เปิดหน้า เปิดพฤติกรรมจนหมด)

ที่สำคัญที่สุดคือ หากย้อนดูเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ปี 2557 จะพบว่างานนี้ไม่ได้มีแค่การลืมนำหมายจับเข้าสารบบเท่านั้น เพราะ “ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา” เคยรายงานเอาไว้เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.61 ว่า ณ เวลานั้น ซึ่งเป็นช่วงที่มีข่าวฮือฮาเรื่อง “เสี่ยโจ้” กลับบ้าน ยังปรากฏหมายจับคดีหลบหนีออกจากที่คุมขังศาลอยู่ในสารบบหมายจับ โดยเป็นหมายจับเลขที่ 559/2561 และขึ้นข้อความสีแดงว่า “ยังไม่จับ” (ดูภาพประกอบ)

warrantjoe21112

ถ้าตำรวจจะอ้างว่าคดีนี้อัยการสั่งไม่ฟ้อง จึงถอดออกจากสารบบหมายจับ แต่ก็ยังมีคำถามว่าทำไมตอน “เสี่ยโจ้” กลับบ้าน เมื่อปี 2560-2561 ซึ่งหมายจับ active หรือมีผลบังคับใช้อยู่อย่างชัดเจน เหตุใดตำรวจผู้รับผิดชอบในยุคนั้นจึงไม่ทำการจับกุม ในช่วงที่ “เสี่ยโจ้” เข้ามอบตัวในคดีอื่นๆ พฤติการณ์แบบนี้สะท้อนอะไร

หลักฐานชิ้นนี้แปลความได้ว่า แม้จะมีหมายจับเข้าสู่สารบบ แต่พ้นอำนาจของตำรวจไปแล้ว ตำรวจไม่สามารถให้ประกันตัวได้ ก็จะไม่จับ เพราะจะส่งผลร้ายกับ “เสี่ยโจ้” ใช่หรือไม่

น่าจะถึงเวลาที่ ผบ.ตร.ต้องตรวจสอบใหม่อีกครั้งว่า เรื่องราวเกี่ยวกับ “หมายจับเสี่ยโจ้” เป็นแค่ความบกพร่องส่วนบุคคล หรือเป็นขบวนการช่วยเหลือ “เสี่ยโจ้” เพื่อแลกกับผลประโยชน์กันแน่?

Tags: newsข่าวจังหวัดปัตตานี
Previous Post

สลด! ศูนย์สอนหนังสือเด็กชุมชนปัตตานี จมในกองเพลิง ทรัพย์สินวอดทั้งหลัง

Next Post

โพลชี้พ่อแม่กังวลลูกติดโควิด ไทยป่วยอีก7006เสียชีวิต29

ปัตตานี

ปัตตานี

เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขแดนใต้

Related Posts

ข่าว

ม.อ.เผยผลวิจัย พบ.ผู้ป่วยปอดบวมจากโควิด เสี่ยงติดวัณโรคมากกว่าคนทั่วไป 7 เท่า

กุมภาพันธ์ 1, 2023
'สมชัย'-สงสัย-กกต.-แบ่งเขตเลือกตั้งผิด?-หลังเอาจำนวน-ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณ
ข่าว

'สมชัย' สงสัย กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งผิด? หลังเอาจำนวน ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณ

มกราคม 31, 2023
ข่าว

ผู้ว่าหญิงปัตตานี นำทีมปั่นจักรยานแนะนำแหล่งท่องเที่ยว

มกราคม 29, 2023
ข่าว

อุตุฯเตือนดูแลสุขภาพอากาศหนาวเย็นลง

มกราคม 29, 2023
“นิพนธ์”เดินหน้าทำชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร-|-เดลินิวส์
ข่าว

“นิพนธ์”เดินหน้าทำชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร | เดลินิวส์

มกราคม 26, 2023
ข่าว

‘

มกราคม 26, 2023
Next Post
โพลชี้พ่อแม่กังวลลูกติดโควิด-ไทยป่วยอีก7006เสียชีวิต29-–-สยามรัฐ

โพลชี้พ่อแม่กังวลลูกติดโควิด ไทยป่วยอีก7006เสียชีวิต29

บทความ แนะนำ

No Content Available

หมวดบทความ

การก่อสร้าง การขนถ่ายสินค้า การขุด หรือเจาะบ่อน้ำ การค้าวัสดุก่อสร้าง การฆ่าสัตว์ การผลิต การบรรจุก๊าซ การผลิตน้ำมันพืช การผลิตน้ำแข็ง การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การผลิตรองเท้า การผลิตเส้นไหม การรีดโลหะ ผลิตเหล็ก การหล่อหลอม การกลึงโลหะ การเลี้ยงสัตว์ กิจกรรม ข่าว ตรวจหวย ธุรกิจ บริการซัก อบ รีด บริษัท ปัตตานี มูลนิธิ ร้านค้า วิถีชีวิต สถานที่ท่องเที่ยว สถานศึกษา สพป.ปัตตานี เขต 1 สพป.ปัตตานี เขต 2 สพป.ปัตตานี เขต 3 สพม.เขต 15 สมาคม สำนักงานจัดการเดินทาง หน่วยงานราชการ อบต. อาหาร เอสเอ็มอี แฟรนไชส์ โรงงาน โรงพยาบาล บริการสุขภาพ โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนศิลปะและกีฬา โรงเรียนสอนวิชาชีพ โรงเรียนสอนศาสนา โรงเรียนสามัญ โอทอป

เกี่ยวกับเรา ปัตตานี



เป็นศูนย์รวมในการนำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในจังหวัด และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะและ ให้คำแนะนำเพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิก อีกทั้งยังเผยแพร่ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ต่าง ๆ อีกด้วย

Unable to open file!