ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ผู้นำหลายหมู่บ้านชายแดนใต้ขึ้นโรงพักโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แจ้งความให้ตำรวจตรวจสอบอาวุธสงครามที่ใช้ยิงข่มขู่ชาวบ้านในพื้นที่ ตำรวจมึนทหารไม่ยอมส่งของกลางให้อ้างขอเคลียร์
นายบราเหม บาซอสิดิก อยู่บ้านเลขที่ 59/3 หมู่ 8 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้เข้าร้องต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมกับผู้ใหญ่บ้านหลายหมู่บ้าน ได้เดินทางไปยัง สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อแจ้งความเอาผิดต่อคนร้าย จำนวน 3 คน ที่ใช้อาวุธปืนสงครามในการยิงข่มขู่ชาวบ้าน เมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันออกบวช หรือรายออีดิ้ลฟิตรี ของผู้นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก เพราะทราบว่าเป็นลูกของผู้มีอิทธิพล และเป็นนักการเมืองท้องถิ่น
โดยในวันเกิดเหตุตนได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องต้นแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงทหารในพื้นที่ได้เข้ามาตรวจสถานที่ และเก็บปลอกกระสุนได้จำนวนหนึ่ง รวมทั้งได้มีการบันทึกภาพอาวุธปืน และผู้ยิงปืนไว้ด้วย แต่หลังจากนั้นไม่ได้มีการนำผู้ต้องหา และปืนของกลางไปดำเนินคดีตามกฎหมายแต่อย่างใด ตนเกรงว่าเรื่องนี้จะเงียบหาย จึงได้เดินทางมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี ร.ต.อ.อนุกูล ไชยสุวรรณ์ เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี แต่หลังการแจ้งความยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ชาวบ้าน และผู้นำท้องที่ต้องการให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ คือ ต้องการทราบว่าปืนทั้ง 2 กระบอก ที่เอามายิงข่มขู่ชาวบ้าน ซึ่งในการเก็บปลอกกระสุนได้มีทั้งปืนอาก้า และเอ็ม 16 เป็นปืนของใคร และทำไมมาอยู่กับผู้ที่ใช้ยิงได้ และปืนทั้ง 2 กระบอก หลังก่อเหตุขณะนี้ไปอยู่ที่ไหน หน่วยงานไหนเป็นผู้เอาไปในคืนที่มาตรวจที่เกิดเหตุ และทำไมจึงไม่นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบว่าเป็นอาวุธปืนที่มีประวัติในการก่อเหตุหรือไม่ และหากไม่มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ในอนาคตจะต้องมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ประชาชนเกิดขึ้นอีก ใครจะรับผิดชอบ
ขณะที่ พ.ต.อ.ฉลอง เล็กน้อย ผกก.สภ.โคกโพธิ์ เจ้าของท้องที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความจากผู้มาแจ้งความแล้ว ซึ่งจะได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่าในคืนที่เกิดเหตุมีใครอยู่ในเหตุการณ์ และใครเป็นคนยิง หลังเกิดเหตุปืนที่ใช้ก่อเหตุใครเป็นคนเอาไป เพื่อจะได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องมีความพยายามจากนายทหารระดับ ผบ.หน่วยในพื้นที่ นำเอาอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกไปเก็บไว้ และทำการเคลียร์ไม่ให้ชาวบ้านแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อผู้ยิงปืน และครอบครองอาวุธปืนสงคราม ซึ่งเรื่องนี้หากไม่มีการดำเนินการตามกฎหมาย ชาวบ้านจะทำหนังสือร้องไปยัง พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
