เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ปัตตานี – คณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานีจัดประชุมหาข้อยุติเกี่ยวกับการละหมาดวันฮารีรายออีดิลฟิตรี ลงมติให้สามารถละหมาดฮารีรายอ หรืออิดิลฟิตตรีได้ แต่ในพื้นที่เสี่ยงให้งดไม่สามารถละหมาดได้
วันนี้ (9 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี ได้ร่วมประชุมกับคณะกรรมการ เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับการละหมาดวันฮารีรายออีดิลฟิตรี ในวันศุกร์นี้ว่าละหมาดได้หรือไม่
เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนกันอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับเรื่องการละหมาดวันฮารีรายออีดิลฟิตรีว่า ละหมาดได้หรือไม่ ซึ่งยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน ทำให้คนมุสลิมในพื้นที่เกิดความสับสน เนื่องจากละหมาดฮารีรายออีดิลฟิตรีนั้นมีเพียง 1 ปีครั้งเดียว หลังจากผ่านพ้นเดือนรอมฎอน 30 วัน ทำให้ทุกคนอยากที่จะละหมาดในมัสยิดมากกว่าการละหมาดที่บ้าน เพราะละหมาดในมัสยิดได้บุญมากกว่าทำที่บ้าน
ดังนั้น ทางคณะกรรมการอิสลามปัตตานีต่างระดมความคิดเห็นในหัวข้อการละหมาดฮารีรายอ หรือละหมาดอิดิลฟิตรี ศุกร์นี้นั้น ร่วมประชุมเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงได้ข้อยุติว่า ในพื้นที่ปัตตานีมีความเห็นชอบ สามารถละหมาดฮารีรายอ หรืออิดิลฟิตตรีได้ ส่วนพื้นที่เสี่ยงไม่สามารถละหมาดได้ หรือรอประกาศอีกครั้งตามที่ทางจังหวัดได้ประกาศพื้นที่ที่มีการระบาดโรคโควิด-19
สำหรับการละหมาดตามมัสยิด โต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.จะต้องร่วมดูแลในเรื่องมาตรการในการป้องกันโรคดังกล่าวอย่างเข้มงวด และตามที่ทางจังหวัดและสาธารณสุขได้กำหนดไว้ เช่น จะต้องอาบน้ำละหมาดที่บ้าน นำผ้าปูละหมาดมาจากบ้าน สวมหน้ากากอนามัย เมื่อเข้ามัสยิดต้องมีการวัดอุณหภูมิ ล้างมือฉีดแอลกอฮอล์ ห้ามบุคคลนอกพื้นที่เข้ามาละหมาด ห้ามเด็ก คนชรา และผู้ป่วยร่วมละหมาด เป็นต้น และการละหมาดจะกำหนดเพียง 30 นาที หลังจากนั้นต้องรีบกลับบ้าน ห้ามทำกิจกรรมต่อ ห้ามสัมผัสหรือสลามและสวมกอดกัน
ประธานคณะกรรมการอิสลามปัตตานี เผยอีกว่า มติดังกล่าวจะส่งหนังสือให้โต๊ะอิหม่ามในมัสยิดต่างๆ กว่า 700 มัสยิดในจังหวัดปัตตานีเพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป จึงขอความร่วมมือให้เข้มงวดต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ประจำวันที่ 9 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 คน มียอดสะสมผู้ป่วยติดเชื้อ 205 คน และรักษาหายป่วยแล้ว 51 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีการแพร่ระบาดของโรคมากที่สุดกว่าอำเภออื่นๆ คือ อำเภอเมืองปัตตานี ที่พบผู้ติดเสื้อสูงถึง 118 คน ทั้งนี้ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่การรักษาพบว่ามีผู้ที่รักษาหายแล้วเป็นจำนวนหลายราย