วิ่งทะลุเฟรม หรือ Tist Run ชื่อของงานวิ่งที่มีระยะไกลที่สุด คือ ระยะฮาล์ฟมาราธอน ได้จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ที่จังหวัดปัตตานี ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิ พื้นที่ที่มีสถานการณ์ความไม่สงบ ตลอดช่วงระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา
การจัดงานวิ่งในจังหวัดปัตตานีเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง เนื่องจากเหตุผลสำคัญเรื่องการดูแลความปลอดภัย ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมในการแข่งขันแต่ละครั้งไม่มากนัก ส่วนมากเป็นคนในพื้นที่ที่ต้องเข้มงวดมากกว่าพื้นที่อื่น โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีการจัดการแข่งขันวิ่งหรือกีฬารายการใหญ่ในพื้นที่เลย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การแข่งขันวิ่งทะลุเฟรมครั้งนี้ ได้รับการตอบรับและจับตามองจากนักวิ่งทั้งในและนอกพื้นที่อย่างคึกคัก โดยมีอีกเหตุผลหนึ่งคือ ปัตตานี ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อกลุ่มจังหวัดเฝ้าระวังเป็นพิเศษของกระทรวงสาธารณสุข ยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักวิ่งจากพื้นที่ใกล้เคียงที่รอคอยการแข่งขัน พากันเดินทางมาเข้าร่วม หลังจากห่างหายไปนาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด
วิ่งทะลุเฟรมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2562 โดยคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แม้ผู้จัดงานจะไม่เปิดเผยตัวเลขของจำนวนนักวิ่งอย่างเป็นทางการในปีนี้ แต่จากการลงทะเบียนและผู้เข้าร่วมจริงจำนวนมาก ในการแข่งขันทั้งในระดับ ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร มินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร และระยะ Fun Run 6 กิโลเมตร คาดว่ามีผู้ร่วมงานวิ่ง ไม่ต่ำกว่า 2,000 คน นับว่าเป็นจำนวนสูงมาก สำหรับรายการแข่งวิ่งในพื้นที่ที่มีปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงอย่างจังหวัดปัตตานี
“ทุกวันนี้ คนหันมาสนใจการออกกำลังกายมากขึ้น ในปัตตานีเองก็มีสถานที่ออกกำลังกายอยู่หลายที่ สวนสาธารณะต่าง ๆ ก็ทำทางสำหรับวิ่งไว้โดยเฉพาะ ผู้หญิงเราก็หันมาวิ่งกันเยอะ ความเป็นมุสลิมไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร แค่ดูแลการแต่งกายของเราให้ดีก็พอ” นูรีดา หรือกะดา หนึ่งในผู้ร่วมวิ่งกล่าว
ส่วน ลัดดาวัลย์ (สงวนนามสกุล) เล่าว่า “พี่เป็นคนหาดใหญ่ ปกติก็ชอบวิ่งอยู่แล้ว ช่วงนี้งานวิ่งจัดกันน้อยมาก เราก็ซ้อมของเรามานาน ก็อยากลงแข่งบ้างธรรมดา แล้วปัตตานีก็ถือว่าไม่ไกลที่ผ่านมาข่าวความรุนแรงอะไรก็ลดลงไปเยอะก็เลยสมัครมาวิ่ง”
การแข่งขันวิ่งจบไปด้วยบรรยากาศแห่งความประทับใจ หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จะกลับมาอีกในครั้งหน้า เนื่องจากประทับใจเส้นทางการวิ่งที่ผ่านสถานที่สำคัญของตัวเมืองปัตตานี และบรรยากาศริมทะเลที่สงบ ซึ่งหาได้ยากจากที่อื่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจ ขณะที่ภาพของหญิงมุสลิมคลุมฮิญาบมาวิ่ง เป็นภาพที่หาได้ไม่ง่ายและกลายเป็นเอกลักษณ์สำหรับงานวิ่งที่ปัตตานี
ขณะเดียวกันการจัดการแข่งขันวิ่งครั้งนี้ ยังส่งผลให้เศรษฐกิจในเมืองปัตตานีกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ของการจัดงาน โรงแรมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดถูกจองล่วงหน้าจนเต็ม เช่นเดียวกับหลาย ๆ โรงแรมที่เคยเงียบเหงา ก็คราคร่ำไปด้วยนักเดินทางต่างถิ่นอย่างเห็นได้ชัด ร้านค้า และร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คน ถนนยามค่ำคืนกลับมามีชีวิตชีวา
การนำแนวทางในการใช้กีฬาเปิดทางสู่การท่องเที่ยวในพื้นที่ อาจเป็นคำตอบหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดชายแดนใต้ก็เป็นได้