
เปิดโศกนาฏกรรม มัสยิดกรือเซะ-ตากใบ เรื่องราวที่สร้างบาดแผลให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งกลายเป็นหัวข้อที่ “ทักษิณ” อ้างว่า จำไม่ได้ ไม่อยากพูดถึง
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าไปสนทนาผ่านแอปพลิเคชั่น Clubhouse ในชื่อ Tony Woodsame เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้แสดงวิสัยทัศน์ในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำรัฐบาลเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19 รวมถึงเรื่องการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้ถามนายทักษิณถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนในพื้นที่มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี นายทักษิณกลับตอบสั้น ๆ เพียงว่า
“รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ตอนนั้นอยู่ในการควบคุมทหาร ผมก็ได้รับรายงาน ก็เสียใจ จำไม่ค่อยได้ เสียใจ”
คำตอบนี้ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในโลกโซเชียลทันที เพราะหลายคนมองว่า นายทักษิณมิอาจเลี่ยงความรับผิดชอบในฐานะ “นายกรัฐมนตรี” ต่อเหตุสลายการชุมนุม ซึ่งสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่และกลายเป็นบาดแผลของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้
เกิดอะไรขึ้นที่ “มัสยิดกรือเซะ”
มัสยิดกรือเซะ หรือ มัสยิดปิตูกรือบัน เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ในจังหวัดปัตตานี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 22 ร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยา
มีตำนานเล่าว่า เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวได้สาปให้มัสยิดแห่งนี้สร้างไม่สำเร็จ เมื่อสร้างถึงยอดโดมคราวใดก็พังทลายลงมาทุกครั้ง แต่ภายหลังมีการวิเคราะห์ว่า เนื่องจากในสมัยนั้นช่างยังขาดความรู้ในการก่อสร้างหลังคารูปโดม การก่อสร้างจึงยังคงค้างคาและทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน
กระทั่งปี 2524 กรมศิลปากรได้บูรณะในวาระแห่งปีเฉลิมฉลองกรุงเทพมหานครมีอายุครบ 200 ปี ต่อมาในปี 2542 กรมศิลปากรมีโครงการปรับปรุงบูรณะภายในให้สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ ส่วนภายนอกยังคงรักษาสภาพโบราณสถานเอาไว้เช่นเดิม

ก่อนจะเกิดเหตุรุนแรงที่มัสยิดกรือเซะ เปิดศักราชใหม่ปี 2547 ได้เพียง 4 วัน เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายบุกปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งมีการสังหารโหดทหารเสียชีวิต 4 นาย มีปืนหายไปทั้งหมด 413 กระบอก (ข้อมูล: ผู้จัดการออนไลน์)
หลังเหตุการณ์ปล้นปืน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เริ่มปรากฏความรุนแรงระลอกใหม่ ทั้งการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ การเผาโรงเรียน และการวางระเบิดหลายครั้ง
แต่ นายทักษิณ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ปรามาสว่า เป็นฝีมือของกลุ่มโจรกระจอกและพวกขี้ยา
ล่วงเข้าสู่เช้ามืดวันที่ 28 เมษายน 2547 กลุ่มชายฉกรรจ์ อายุระหว่าง 15-20 ปี มีอาวุธเพียงมีดพร้าและกริช กระจายกำลังโจมตีป้อมจุดตรวจของทหารและตำรวจนับ 10-12 จุด ในหลายพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อมีการยิงต่อสู้กัน กลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์บางส่วน ได้วิ่งเข้าไปหลบในมัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี จากนั้นจึงถูกทหารและตำรวจนำกำลังปิดล้อมตั้งแต่เช้าจรดบ่าย ก่อนที่สุดท้ายเจ้าหน้าที่จะตัดสินใจใช้อาวุธหนักยิงถล่ม (ข้อมูล: มติชน)
เหตุรุนแรงที่มัสยิดกรือเซะนับว่ารุนแรงที่สุด เพราะทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ราย รองลงมาคือที่อำเภอสะบ้าย้อย 19 ราย, อำเภอกรงปีนัง จังหวัดยะลา 17 ราย, อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี 13 ราย, อำเภอเมือง จังหวัดยะลา 12 ราย, อำเภอบันนังสตา 8 ราย, อำเภอธารโต 5 ราย, อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี 2 ราย,
บทสรุปของความวิปโยคในวันนั้น ทำให้ทั้งผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 113 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ก่อเหตุ 108 ราย เจ้าหน้าที่ 5 ราย
“ศิลปวัฒนธรรม” รายงานว่า นายทักษิณ ยังคงมองว่าเป็นฝีมือของกลุ่มเดิม ๆ ขณะที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมองว่า การโจมตีในครั้งนี้เป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิม ซึ่งได้รับการฝึกฝนในต่างประเทศ
หลังเกิดเหตุ ไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ทั้งยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงถึงกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติ
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ใช้ข้อมูลข่าวกรองในการวางกับดักเพื่อเพิ่มความเสียหาย แทนที่จะใช้ข้อมูลในการจำกัดการเสียเลือดเสียเนื้อ
“รัฐบาลไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขา แต่รัฐบาลก็ฆ่าพวกเขาจนหมดอยู่ดี” สุนัย ผาสุก จากกลุ่มฮิวแมนไรท์วอท์ช กล่าว “พวกเขาไม่จำเป็นต้องถล่มมัสยิดแต่สุดท้ายก็ทำ…นี่คือหนึ่งในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับชาวมุสลิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ฟอรัมเอเชีย (Forum Asia) ออกแถลงการณ์กล่าวว่า “ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่ใช้แค่มีดพร้าและกริชเท่านั้น…ทหารที่มีอาวุธครบมือ และตำรวจที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้มย่อมสามารถจัดการกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ได้อย่างแน่นอน แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าพวกเขา”
ตายหมู่ ณ “ตากใบ”
เหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะผ่านไปได้เพียง 6 เดือน ชาวใต้เผชิญโศกนาฏกรรมอีกครั้ง ณ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
มติชน รายงานว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ชาวบ้านนับพันคนไปรวมตัวกันหน้า สภ.อ.ตากใบ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) 6 คน ซึ่งถูกตั้งข้อหา พร้อมคุมขังระหว่างการสอบสวนนานกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากสงสัยว่าพัวพันกับอาวุธปืนที่หายไป แต่ชาวบ้านเชื่อว่าคนเหล่านั้นไม่ผิด
หลังเจรจากับเจ้าหน้าที่แล้วยังไม่ได้ข้อสรุป จึงเกิดการขว้างปาสิ่งของ ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะพยายามเข้าไปภายใน สภ.อ.ตากใบ เพื่อเจรจาอีกครั้ง ต่อมา แม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้น มีคำสั่งสลายการชุมนุม เริ่มจากการฉีดน้ำใส่ฝูงชน ใช้แก๊สน้ำตา และยิงตอบโต้นาน 30 นาที
การสลายชุมนุมครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน สูญหาย 7 คน บาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวปาตานี หรือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
หลังเหตุการณ์ราว 1 สัปดาห์ มี คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 335/2547 แต่งตั้ง คณะกรรมการอิสระสอบข้อเท็จจริง กรณีมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ปรากฏข้อมูลเผยแพร่ในฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า โดยในตอนหนึ่งระบุว่า…
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้เริ่มก่อเหตุการณ์คือกลุ่มแกนนำบางคนที่ต้องการให้สถานการณ์ยืดเยื้อ เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นฝ่ายเข้าไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ละคนได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนภายใต้ข้อจำกัดหลายประการ ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อบกพร่องไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ไม่มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดการเสียชีวิต บาดเจ็บ
อนึ่ง ในเหตุการณ์นี้มีข้อสังเกตว่าข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่หลายท่านได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละ กล้าหาญ จึงต้องนำเหตุการณ์นี้มาศึกษาเสนอแนะเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ขึ้นอีก และการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมจำนวนมาก ระหว่างการเคลื่อนย้ายจาก สภ.อ.ตากใบ มายังค่ายอิงคยุทธบริหารนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึงและไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดเหตุการณ์ที่เศร้าสลดเช่นนี้”
หลังเกิดเหตุ มีการฟ้องร้องกันตามกฎหมายหลายคดี คดีสุดท้าย จังหวัดสงขลา พิพากษาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2552 หรือ 5 ปี หลังเหตุการณ์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติ “ตามความจำเป็นแห่งสภาพการณ์เท่าที่เอื้ออำนวย” ผู้ตายทั้งหมด เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจระหว่างการปฏิบัติงานตามหน้าที่
สิงหาคม 2556 ญาติของผู้เสียชีวิต 34 คน เข้ารับฟังการพิจารณาคดีของศาลฎีกา ตามที่ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลจังหวัดสงขลา ที่มีคำสั่งไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตของผู้เสียชีวิตจำนวน 78 คน เกิดจากขาดอากาศหายใจ ระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งญาติขอให้ศาลพิจารณาทำคำสั่งใหม่ เนื่องจากไม่มีการกล่าวถึงพฤติการณ์ว่า “ใคร” เป็นผู้ทำให้เสียชีวิต
ศาลฎีกายกคำร้อง โดยมีข้อมูลระบุว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องด้วยเหตุผลว่า เมื่อศาลจังหวัดสงขลาเป็นศาลชั้นต้นเช่นเดียวกันกับศาลอาญา ได้รับคดีไว้ และทำการพิจารณาทำคำสั่งไปแล้ว จึงไม่อาจรับคดีไว้พิจารณาได้อีก ต่อมาศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ศาลฎีกาประชุมตรวจสำนวนแล้วเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ จึงมีคำสั่งยกคำร้อง

แผลที่ไม่มีวันหาย
นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊กกรณี “มัสยิดกรือเซะ” และ “ตากใบ” ที่เกี่ยวพันกับ ทนายสมชาย นีละไพจิตร สามีของเธอ ข้อความดังนี้…
#17ปีกรือเซะตากใบ #สงครามยาเสพติด #17ปีสมชายนีละไพจิตร #รัฐตำรวจ
เมื่อคืนใน CH มีเด็กตั้งถามคุณทักษิณเรื่องกรือเซะ ตากใบ คุณทักษิณเองก็คงไม่คิดว่าจะมีเด็กรุ่นใหม่ถามคำถามถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนเมื่อปี 2547 อาจไม่ทันตั้งตัว และอาจไม่อยากพูดถึง เลยตอบไปสั้น ๆ ว่า “จำไม่ค่อยได้” แต่เสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คำตอบของคุณทักษิณเป็นเทรนในทวิตเตอร์ว่า #ตากใบจำไม่ได้
อย่างไรก็ดีคุณทักษิณได้พูดออกมาคำหนึ่งว่า “ตอนนั้นมีการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก” ซึ่งแกนนำการล่ารายชื่อยกเลิกกฎอัยการศึกช่วงนั้น คือ ทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่ถูกอุ้มฆ่า (12 มีนาคม 47) ก่อนการลุกขึ้นสู้ของประชาชนในเหตุการณ์กรือเซะ ประมาณเดือนเศษ (28 เมษายน 47)
กรณีเหตุการณ์ความรุนแรงใน จชต. คุณทักษิณเคยกล่าวขอโทษและแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิตและผู้ถูกบังคับสูญหาย และต่อมารัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ได้ให้การชดใช้เยียวยาความเสียหายแก่ครอบครัว พร้อม ๆ กับการเยียวยาผู้เสียหายทางการเมืองในเหตุการณ์ปี 53 ด้วยเหตุผลว่า “#เชื่อว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ”
ซึ่งจำได้ว่าสร้างความไม่สบายใจแก่หน่วยงานความมั่นคงอย่างมาก อย่างไรก็ดี การเยียวยาด้วยตัวเงินครั้งนั้นไม่ได้นำสู่การเยียวยาทางกฎหมาย เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียชีวิต ผู้สูญหายและครอบครัว จึงทำให้ผู้กระทำผิดยังคงลอยนวล #Impunity
ความที่คุณทักษิณเป็นตำรวจ อาจทำให้มีความเชื่อมั่นและไว้ใจในการทำงานของตำรวจ ให้อำนาจแก่ตำรวจมาก จนปราศจากการตรวจสอบ จึงเป็นที่มาของคำว่า #รัฐตำรวจ และทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่หากสังเกตจะพบว่าแม้คุณทักษิณจะถูกฟ้องร้องหลายต่อหลายคดีจนต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่อัยการไม่เคยฟ้องคุณทักษิณกรณีกรือเซะ ตากใบ หรือสงครามยาเสพติด และการอุ้มหายประชาชนจำนวนมากในช่วงนั้น
หรืออาจเป็นเพราะกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงเหล่านี้มีผู้เกี่ยวข้องมากมาย ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง #ตำรวจ และ #ทหาร ที่ทุกวันนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องยังมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนยศเหมือนไม่เคยได้กระทำผิดใด ๆ มาก่อน
หรืออาจมี #ผู้เกี่ยวข้องอื่น ตามที่คุณหมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ได้กล่าวไว้เมื่อคืน และยังแนะนำให้ #บันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งจะเป็นการเปิดเผยความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น และจะได้นำผู้กระทำผิดมาลงโทษ และคืนความเป็นธรรมให้เหยื่อ เสียดายที่คดีกรือเซะ ตากใบ อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากให้เหตุผลว่า #ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าใครเป็นผู้ทำให้เกิดการเสียชีวิต และญาติเองซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ก็คงไม่มีเรี่ยวแรงพอจะลุกขึ้นมาฟ้องหน่วยงานความมั่นคง
ปีนี้ กรณีกรือเซะตากใบครบ 17 ปี จึงมีอายุความ เหลืออีกเพียง 3 ปี ในการเข้าถึงสิทธิในความยุติธรรม ในขณะที่การบังคับสูญหายเป็นอาชญากรรมต่อเนื่องที่ไม่มีอายุความ (continuous crime) ตามกฎหมายสากล แต่กรณีการบังคับสูญหายหลายคดี รวมถึงคดีสมชาย นีละไพจิตร ที่เป็นคดีพิเศษ ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็มีคำสั่งงดการสอบสวนด้วยเหตุผลเดียวกัน คือ เนื่องจาก #ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าใครเป็นผู้กระทำผิด
ขณะเดียวกัน รัฐบาลชุดนี้ก็มีความพยายามอย่างมากในการลบชื่อบุคคลสูญหายในประเทศไทยจากรายชื่อคนหายของสหประชาชาติ เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยไม่มีคนหาย
17 ปีที่ผ่านมา จึงไร้ซึ่งความยุติธรรม และการเปิดเผยความจริง เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณหมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่สังคมไทยควรชำระ #ประวัติศาสตร์บาดแผล ต่าง ๆ เสียที ทั้ง 6 ตุลา พฤษภา 35 พฤษภา 53 กรือเซะ ตากใบฯ เพื่อไม่ต้องให้เด็กรุ่นใหม่ต้องย้อนกลับไปหาข้อมูลใน Google เพื่อศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้คงต้องฝากคำถามถึงนายกฯประยุทธ และรองฯประวิตร ว่า #กล้าไหม
#การรักษาความทรงจำของเหยื่อ เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาประวัติศาสตร์ แม้จะเป็นประวัติศาสตร์บาดแผล แต่เราทุกคนจึงควรร่วมกันจดจำ และแม้จะไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ แต่การเรียนรู้อดีตจะทำให้เราสามารถป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และผู้กระทำผิดทุกคนต้องได้รับโทษ เพื่อยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดในประเทศไทย
(เรื่องคุณทักษิณ และความรุนแรงในภาคใต้ แนะนำอ่าน #ตอบโจทย์ประทศไทย โดยคุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ค่ะ)
อังคณา นีละไพจิตร
23 กุมภาพันธ์ 2564
#17ปีกรือเซะตากใบ #สงครามยาเสพติด #17ปีสมชายนีละไพจิตร #รัฐตำรวจ
เมื่อคืนใน CH มีเด็กตั้งถามคุณทักษิณเรื่องกรือเซะ…
โพสต์โดย Angkhana Neelapaijit เมื่อ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2021