อนุทิน พร้อม 2 รมต.ตามสถานการณ์น้ำท่วมปัตตานี และโควิด 19 เร่งด่วน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 มกราคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี พร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณาสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาและ นส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามผลกระทบความเสียหายและความเดือดร้อนของประชาชนจากเหตุอุทกภัย เมื่อวันที่ 4-15 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา
ทั้งร่วมลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนพร้อมมอบถุงยังชีพ อุปกรณ์ทางทางแพทย์ ยาเวชภัณฑ์ หน้ากากอนามัย เพื่อเป็นกำลังใจและฟื้นฟูจิตใจให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบและตรวจสภาพพื้นที่ อาคารบ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเสนอรัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อนำมาบรรเทาปัญหาความเดือดร้อน โดยมี นายราชิด สุดพุ่ม ผวจ.ปัตตานี รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยถึงผลกระทบและความเดือดร้อนของประชาชน
จากอุทกภัยในจังหวัดปัตตานี ทั้ง 8 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 84,370 คน รายงานความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งหมด รวมทั้งรายงานสถานการณ์จากโรคระบาด โควิด 19 ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ทั้งนี้มีทุกภาคส่วนได้รับแนวทางการช่วยเหลือ จากหน่วยงานรัฐและเอกชน ทุกระดับ พร้อมทั้งเสนอแนวทางให้มีการแก้ไขปัญหาระยะยาว คือ คือ 1.ให้มีการทบทวนเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนบางลาง 2. เพิ่มความจุของเขื่อนปัตตานีจากเดิม 7.8 ล้านลูกบาศก์เมตร อีก 5 ล้านลูกบาศก์เมตรโดยการขุดดินเหนือเขื่อน 3. เพิ่มความสูงของทางระบายน้ำฉุกเฉิน และปรับปรุงอาคารประกอบเพื่อความสะดวกในการควบคุมการไหลของน้ำ 4. ทำการก่อสร้างคันกั้นน้ำในบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ 5. ทำการขุดลอกคลองผันน้ำเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มช่องทางระบายน้ำ ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวของกลุ่มแม่น้ำสายบุรี คือ 1. ติดตั้งโทรมาตรเพื่อเฝ้าระวังและเตือนภัยในเขตลุ่มน้ำสายบุรี 2. ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อป้องกันน้ำท่วมในบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ
นายอนุทิน กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อมารับฟังปัญหาสิ่งที่อยากให้รัฐบาลรู้ ตนทั้งสามจะนำกลับไปช่วยสนับสนุนอีกทางหนึ่งเพื่อมาสนับสนุนแบ่งเบาภาระของจังหวัด การแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมสิ่งที่สำคัญคือ ต้องมาร่วมมือกัน ยิ่งน้ำลดอาจจะประสบปัญหา คือ เรื่องโรคภัยที่มากับน้ำ และอื่นๆ โดยเฉพาะสภาพจิตใจก็สำคัญที่ต้องห่วงใยประชาชน ประกอบกับสถานการณ์ช่วงระบาดของโรคโควิดที่ปะทุทั่วประเทศ ปัตตานีก็เสี่ยงเพราะติดพรมแดน เนื่องจากมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก คนไทยก็ยิ่งพยายามจะกลับมาไทย เราเองต้องระวังการลักลอบเข้ามาในประเทศไทย เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการป้องกัน ฉะนั้นตนเข้าใจคนไทยควรจะได้กลับบ้าน แต่เราบอกให้เขาร่วมมือในการเข้ามาอย่างถูกต้อง ถูกกฏหมาย เราพร้อมที่จะรักษาคนไทยที่กลับบ้านอย่างเต็มที่ ตนเข้าใจที่เขาลักลอบเพราะไม่อยากถูกกักตัว หน่วยความมั่นคงมีความพยายามปกป้องชายแดนเต็มที่ แต่ก็พบบางกลุ่มลอบเข้ามาเพื่อเที่ยวไม่ใช่กลับบ้าน กลุ่มพวกนี้เสี่ยงต่อการแพร่เชื่อและสุ่มเสี่ยงกับประชาชน เรื่องแบบนี้เหมือนเป็นการคูณสองในการแพร่เชื้อ ทำให้ลำบากในการควบคุมโรค ตนเชื่อมั่นว่าผู้ว่าราชการจังหวัดมีการวางแผนเฝ้าระวังคัดกรองที่ชัดเจน ส่วน รพ.สนามทั่วประเทศมีความพร้อม สาธารณสุขทุกแห่งก็มีความพร้อมเช่นกัน ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีปัญหาในการปฏิบัติ เพราะทุกส่วนทั้งปกครอง ทหาร สาธารสุขมีความพร้อม ยิ่งถ้าการป้องกันควบคุมแนวชายแดนได้ ความจำเป็นของ รพ.สนามก็ลดลง ส่วนผู้ป่วยในระบบของสารธารณสุขนั้นถ้าเขาไม่มีโรคแทรกซ้อนโอกาสจะเสียชีวิตนั้นน่าจะไม่มี
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการถ้าเราไม่สามารถกักตัวได้เราก็ต้องควบคุมให้ได้ หรือกักเขาไว้ 10 วันถ้าไม่พบเชื้อก็ให้กลับได้ ฉะนั้น ขอฝากทุกส่วนให้ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองด้วยวิธีใดก็ตาม ใน 3 จังหวัดเราต้องป้องกันให้ได้ ถ้าป้องกันได้ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น และเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ กระทรวงศาธารสุขก็ได้กำหนดงบประมาณในจังหวัดปัตตานีเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด 68 ล้าน 4 แสนกว่าบาท ขอให้ทางผู้ว่าดูแลควบคุมด้วย ถึงกันยายนนี้ ถ้าไม่หมดก็ต้องคืน ฉะนั้นงบประมาณนี้ของจังหวัดปัตตานีถือว่ามากพอควร รัฐบาลจะสนับสนุนทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย
ตนขอให้อดทนสักหน่อยเพราะวัคซีนกำลังจะมา เราผลิตในประเทศไทย ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะไม่ต้องซับซ้อนในหลายๆเรื่อง ตนให้ความมั่นใจว่าทุกอย่างจะไม่มีเรื่องแทรกแซง ประชาชนทุกคนจะได้ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ถือเป็นคนสำคัญที่ต้องฉีดวัคซีนเพราะเป็นผู้ที่ทำงานแถวหน้า ให้มั้นใจว่าวัคซีนป้องกันได้ 100 % ยิ่งถ้าใครที่มีภูมิคุ้มกันก็จะยิ่งดี เมื่อฉีดแล้วก็ต้องเฝ้าดูอาการ และที่สำคัญควรใช้หน้ากากอนามัยทุกครั้งอย่าพลาด ฉะนั้นเราควรต้องอยู่อย่างปลอดภัย