ภูมิภาค
ผู้พิพากษาเก๊!อ้างหลอกฝากเข้าทำงานได้ เหยื่อ15รายหลงเชื่อจ่ายเงินให้สูญกว่า 2 ล้าน
วันจันทร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 17.49 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่ สภ.กันตัง นายณัฐพล เจะมะอะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง และเจ้าหน้าที่ อบต.บ่อน้ำร้อน ได้นำผู้เสียหายที่เป็นลูกบ้านจำนวน 15 ราย ทยอยเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงรายหนึ่ง ที่มีการแอบอ้างเป็นผู้พิพากษาสมทบประจำศาลจังหวัดตรัง และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตรัง โดยหลอกชาวบ้านว่ามีโควต้ารับเข้าทำงานในตำแหน่งต่างๆในศาล เช่น คนขับรถ ธุรการ ผู้ช่วยอัยการ เลขาส่วนตัว แต่ต้องมีการจ่ายค่าประกันก่อนเข้าทำงาน แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ไม่สามารถนำเข้าทำงานได้จริง ทางผู้เสียหายกลับถูกบ่ายเบี่ยงและไม่ได้เงินคืน ตอนนี้สร้างความเสียหายรวมแล้วกว่า 2 ล้านบาท
นายณัฐพล เจะมะอะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 กล่าวว่า มีผู้หญิงรายหนึ่งอายุประมาณ 33 ปีได้ก่อเหตุหลอกชาวบ้าน โดยอ้างว่าเป็นผู้พิพากษาสมทบ ประจำศาลจังหวัดตรังและศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตรัง และบอกอีกว่าจะพาเข้าทำงานที่ศาลในตำแหน่งต่างๆ แต่ต้องจ่ายค่าประกันก่อนเข้าทำงานเป็นเงินจำนวน 3 – 7 หมื่นบาท พร้อมทั้งรับประกันว่าได้ทำงานภายใน 1 ตุลาคมนี้ ขณะเดียวกันมิจฉาชีพรายนี้ยังทำตัวให้น่าเชื่อถือมีการนำเอกสารราชการมาแอบอ้างว่ารับสมัครพนักงาน และยังแอบอ้างอีกว่าก่อนหน้านี้เคยประจำศาลจังหวัดปัตตานี
จากการสอบถามชาวบ้านเบื้องต้นพบว่ามีการจ่ายเงินรอบแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจากเกิดเรื่องตนได้ทำการสอบถามไปยังทางหน่วยงานยุติธรรมแล้ว พบว่าไม่มีชื่อของหญิงรายดังกล่าวเป็นผู้พิพากษาสบทบแต่อย่างใด และหญิงรายดังกล่าวยังเคยต้องโทษคดีฉ้อโกง ในพื้นที่ จ.ปัตตานีมาแล้ว ล่าสุดตนทราบว่าหญิงรายดังกล่าวได้ซื้อรถกระบะป้ายแดงอีกด้วย ตอนนี้มีลูกบ้านที่ตกเป็นเหยื่อประมาณ 15 ราย ตนได้พาผู้เสียหายบางส่วนมาแจ้งความในวันนี้
ด้าน น.ส.นา (นามสมมติ) อายุ 42 ปี กล่าวว่า หญิงรายดังกล่าวเป็นชาวจังหวัดพัทลุง โดยได้มาอาศัยบ้านญาติที่อยู่ในพื้นที่ตำบลบ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง ทีแรกได้มาติดต่อตนและสอบถามว่าสนใจทำงานที่ศาลไหมมีโควต้าอยู่ 6 ตำแหน่ง ด้วยความที่เป็นคนในหมู่บ้านและเคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนจึงเกิดความเชื่อใจ จากนั้นนัดวันเขียนใบสมัคร ในวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งใบหญิงรายดังกล่าวได้ส่งมาให้ตนผ่านทางไลน์ พร้อมทั้งมีการเรียกเก็บเงินค่าประกันรอบแรกเป็นเงินจำนวน 35,800 บาท ซึ่งทีแรกจะโอนผ่านแอพธนาคารแต่มิจฉาชีพรายนั้นบอกตนว่าไม่ต้องโอนผ่านธนาคารให้ใส่ซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้แทน
เงินจำนวนดังกล่าวที่จ่ายให้ไปเป็นเงินเก็บที่ไว้ใช้จ่ายในครอบครัวของตน ต่อมาวันที่ 30 กรกฎาคม ตนถูกเรียก เก็บเงินเพิ่มอีก 40,000 บาท ถูกอ้างว่าหัวหน้างานเห็นประวัติของตนแล้วและมีประวัติการทำงานที่ดี และดูงานธุรการก็เลยอยากให้เข้าบรรจุข้าราชการเลยและจะได้เงินคืนในเดือนตุลาคม เมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้ไปหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้อง เอาหัวทะเบียนรถไปวางค้ำเอาเงินก้อน ตนเคยถามว่าทำไมไม่ชวนญาติที่จังหวัดพัทลุงมาเป็นพนักงานซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาว่าส่วนใหญ่ทำงานเป็นข้าราชการหมดแล้วอยากให้คนทางนี้ได้มีหน้าค่าตาทำงานดีบ้าง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีการตั้งกลุ่มไลน์คุยกันสอบถามความคืบหน้า แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
ขณะที่ น.ส.วา (นามสมมติ) อายุ 48 ปี ผู้เสียหายอีกราย เผยว่า จุดเริ่มแรกตนก็ได้รับไปติดต่อเช่นเดียวกับผู้เสียเสียหายรายอื่นๆที่ช่วยหาคนมาทำงานในศาลซึ่งตนก็มีลูกสาวทำงานอยู่กรุงเทพฯ พอตนอายุเริ่มมากขึ้นจึงอยากให้ลูกออกมาอยู่กับตนสัก 1 คน เพื่อช่วยในงานต่างๆหรือพาไปโรงพยาบาล ตนเห็นมิจฉาชีพรายดังกล่าวเวลางานบุญก็มีการมาช่วยกันทำแกง ช่วยงานต่างๆอยู่ตลอด จึงทำให้เกิดความเชื่อใจ เมื่อได้รับการติดต่อก็บอกสนใจงานให้ลูกสาว โดยมิจฉาชีพรายนั้นมีข้อแม้ต้องให้ลูกสาวลาออกจากงานก่อนแล้วก็เริ่มงานภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ตนจึงได้ไปหยิบยืมเงินญาติพี่น้องเป็นเงินประมาณ 78,630 บาท โดยได้เสียค่ารถขนของจากกรุงเทพฯกลับมาที่บ้านเป็นเงินประมาณหมื่นกว่าบาท แต่เมื่อกลับมากลับพบว่า ลูกสาวไม่มีงานทำ ตอนนี้ลูกสาวตนมีอาการเครียดมากร้องไห้เกือบทุกวัน เพราะสงสารตนที่โดนหลอก ตนทำงานกรีดยางพารามีรายได้วันละแค่ 3-400 บาท อาชีพอื่นไม่มี เคยสอบถามไปยังหญิงรายนั้นก็ถูกบ่ายเบี่ยง ถูกโกหกมาโดยตลอดอยากให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่