@เพราะ 1 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันสถาปนากองกำลังของขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” จึงอย่าได้แปลกใจ ที่จะมีการนำกำลังเข้ามา “ซุ่มซ่อน” ในพื้นที่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อรอ “โอกาส” รอ “จังหวะ” ด้วย “ยุทธวิธี” ของการก่อการร้าย “เป้าหมายชัด โอกาสมี ทางหนีพร้อม” เพื่อก่อเหตุ แต่ยังโชคดี ที่ “สายข่าว” ของเจ้าหน้าที่พบเห็น จึงเป็นเหตุให้ ฉก.ยะลา ส่งกำลังเข้า “ปิดล้อม” เพื่อ “ตรวจค้น” และนำไปสู่การ “ปะทะ” ผลคือ “กองกำลังติดอาวุธ” ของ “บีอาร์เอ็น” เสียชีวิต 2 ศพ…ประเด็นที่เป็น “ข้อสังเกต” แม้ว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” ที่ “ปฏิบัติการ” ทาง “ทหาร” ในพื้นที่ “ปลายด้ามขวาน” ยังไม่ถูก “บ่มเพาะ” ถึงขั้นของการ “พลีชีพ” เหมือนกับใน “ตะวันออกกลาง” แต่การได้รับการ “บ่มเพาะ” ให้ “สู้ตาย” ในทุกครั้งที่มีการ “ปิดล้อม” และการ “ปะทะ” กับ เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งที่ก่อนการตัดสิน “วิสามัญฆาตกรรม” เจ้าหน้าที่ได้ “พยายาม” ที่จะ “เกลี้ยกล่อม” ให้ยอม “มอบตัว” โดยใช้ทั้งผู้นำ “ท้องถิ่น, ท้องที่” และผู้นำ “ศาสนา” และบางเคส มีการนำ “บุพการี” ของ “คนร้าย” มาทำการ “เกลี้ยกล่อม” แต่ไม่เคยได้ผล ประเด็นนี้ต่างหาที่ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” รวมทั้ง หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่อง “ความมั่นคง” ไม่ว่าจะเป็น “กองทัพบก” และ “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” (สมช.) ต้องให้ความ “สนใจ” เพราะวันนี้แค่ “สู้ตาย” แต่ “วันหน้า” ถ้า “ไฟใต้” ยังไม่ “ยุติ” การ “บ่มเพาะ” อาจจะถึงขั้น “ผูกระเบิดฆ่าตัวตาย” เดินเข้าเพื่อ “กดระเบิด” ในสถานที่ราชการ ก็เป็นไปได้….
@และในวันที่ “บิ๊กเกรียง” พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ยัง “พักฟื้น” เพื่อ “รักษาตัว” จากการที่ “เฮลิคอปเตอร์” ตก ที่ รพ.ม.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภารกิจของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงอยู่กับผู้ “รักษาการ” แม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อ “รับมือ” กับ สถานการณ์การ “ก่อการร้าย” ซึ่งยังจะต้องมีอีกหลายพื้นที่ในของวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นวัน “สถาปนากองกำลังทหาร” ของ “บีอาร์เอ็น” ที่ถือเป็นวัน “สัญลักษณ์” ที่จะมีการก่อเหตุใหญ่ๆ เพื่อสร้างความ “สูญเสีย” ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่จะต้องเฝ้าระวัง เพื่อมิให้ “แนวร่วม” ปฏิบัติการได้ ….ก็ดีนะ ในระหว่างที่ “แม่ทัพป่วย” จะได้เห็น “ฝีมือ” ของ ผู้ที่จะขึ้นมา “สืบทอด” ตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ว่าจะมี “กึ๋น” ขนาดไหน และแน่นอนว่า “บีอาร์เอ็น” ก็อาจจะ “ฉวยโอกาส” นี้ ทำการ “ก่อการร้าย” มากขึ้น เพื่อ “ทดสอบ” ผู้ที่ “รักษาการ” แม่ทัพภาคที่ 4 ด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผบ.ฉก.ทั้งหลาย ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด…. แต่บุคคลที่ “สุดยอด” คือ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ที่ได้ “กระสากลิ่น” ของ “แนวร่วม” จากกองกำลังติดอาวุธของ “บีอาร์เอ็น” ก่อนที่จะมีการ “ปะทะ” หลายวัน ว่าจะมีการ “ก่อการร้าย” ในเมืองยะลา แม้จะไม่สามารถ “โฟกัส” ว่าจะเป็นบริเวณไหน แต่ก็ได้ “สั่งการ” ให้มีการป้องกันอย่าง “เต็มร้อย” พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 “สันติสุข 1” เบาใจได้ แต่หลังจากที่ “กองกำลังติดอาวุธ” ถูก “เด็ดชีพ” ไป 2 ศพ ก็อย่าได้ “วางใจ” เพราะจะต้องมีการ “เอาคืน” แน่นอน และที่สำคัญ “ประชาชน” ในพื้นที่ต้อง “ตื่นตัว” ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินตนเองด้วย อย่าหวังพึ่งเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียว ….
@และที่เป็นเรื่อง “ต่อเนื่อง” วันที่ 1-2 สิงหาคม จะมีการ “พบปะ” เป็นครั้งที่ 5 ระหว่าง พล.อ.วันลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะ “พูดคุยสันติสุข” ตัวแทนรัฐบาลไทย กับ นายหิพนี มะเระ ตัวแทนของขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” หัวหน้าคณะ “พูดคุยสันติภาพ” ของ บีอาร์เอ็น โดยมีรัฐบาล “มาเลเซีย” เป็นผู้ “อำนวยความสะดวก” โดยมี “ตัวแทน” จาก “องค์กรชาติตะวันตก” หรือ “เอ็นจีโอสากล” เป็น “สักขีพยาน”…ที่ “น่าขัน” คือ ชื่อของการใช้ในการ “พูดคุย” ก็ไม่เหมือนกัน เพราะ “รัฐบาลไทย” ให้คำว่า “พูดคุยสันติสุข” แต่ฝ่าย “บีอาร์เอ็น” ให้คำว่า “เจรจาสันติภาพ” เมื่อ “ธง” หรือ “เป้าหมาย” ในการ “พูดคุย” ของทั้งสองฝ่าย “ต่างกัน” ตั้งแต่เริ่มต้น จึงอย่าได้ “คาดหวัง” อะไรมากมายจากการ “พูดคุย” หรือ “เจรจา” ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างที่เห็นๆ กันมาหลายปีของการ “เจรจา” ที่ “ยิงกันไป-มา” ระหว่าง ทหาร ตำรวจ กับ “กองกำลังติอาวุธ” ของ “บีอาร์เอ็น” ส่วนการ “พูดคุย” หรือ “เจรจา” ก็ “วนเวียน” เป็น “เขาวงกต” ไปเรื่อย โดยมีเรื่องของ “งบประมาณ” เป็นเรื่องสำคัญ….
@อีกเรื่องที่เป็น “ข่าว” ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ คือเรื่องที่ “พล.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” ผช.ผบ.ตร. แอบ “ย่อง” มาเงียบๆ เพื่อ “จับกุมเสี่ยวจาง” หรือ นายเตียว วุย ฮวด หรือ “โทนี่ เตียว” เศรษฐีใหญ่ชาวมาเลเซีย ผู้เป็นเจ้าของ “เอ็มบีไอ กรุ๊ป” ใน ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เจ้าของธุรกิจ “แชร์ลูกโซ่” ที่หลอกเงินชาวมาเลเซีย ชาวไต้หวัน และ “จีนแผ่นดินใหญ่” มา “ลงทุน” ในธุรกิจ โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ หมู่บ้านจัดสรร และธุรกิจบันเทิง จนถึง “ฟ้องร้อง” และมี “หมายจับ” ทั้งในประเทศ “มาเลเซีย” และ “หมายจับ” จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เรียกว่า “อินเตอร์โพล” ขณะนี้ “เสี่ยวจาง” ถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบัญชาการตรวจคนเข้าเมือง “สวนพลู” กรุงเทพฯ เพื่อ รอการ “ส่งตัว” ไปดำเนินคดี ที่ยังไม่ทราบว่าเป็นที่ “จีนแผ่นดินใหญ่” หรือ “มาเลเซีย”….. เรื่องของ “คนหนีคดี” จากประเทศต่างๆ และเข้ามา “หลบซ่อน” ในประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องแปลก และเชื่อว่า คดีแบบเดียวกับ “เสี่ยวจาง” ไม่ได้มีที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เพียงแห่งเดียว แต่มีอีก “มากมาย” ที่ ผู้หลบหนีคดีเหล่านี้ สามารถอยู่ใน “ประเทศไทย” แบบไม่เกรงกลัว “กฎหมาย” เพราะมีผู้ “คุ้มครอง” กรณีของ “เสี่ยวจาง” ถ้าย้อนหลังกลับไปเมื่อ ปี 60 “เสี่ยวจาง” เคยมี “หมายจับ” ในประเทศไทย คดีเกี่ยวกับ “ยาเสพติด” สมัยที่ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข” เป็น ผบช.ปราบปรามยาเสพติดฯ จนทำให้ “เสี่ยวจาง” ต้อง “หลบจาก” อาณาจักร “เอ็มบีไอ กรุ๊ป” ที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา แต่หลังจากที่ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข เกษียณอายุราชการ “เสี่ยวจาง” ได้รับการช่วยเหลือจาก “พลเอก” คนหนึ่ง ที่ตอนนี้อยู่ใน “แวดวง” ของคน “การเมือง” ทำให้ “หมาย” ดังกล่าว “ล่องหน” จนทำให้ “เสี่ยวจาง” เข้ามา “พำนัก” ในอาณาจักร “เอ็มบีไอ” ที่ ชายแดนไทย-มาเลเซีย ใน อ.สะเดา อย่าง “มหาเศรษฐี” เพราะ เชื่อว่า ไม่มีใครกล้าที่จะ “แตะต้อง” จน “สุดท้าย” กลายเป็นผู้ต้องหา “ที่ถูกบิ๊กโจ๊ก” ติดตามจับกุมตามหมายจับ “อินเตอร์โพล” ปิดฉากของ “มหาเศรษฐี” จอม “ต้มตุ๋น” ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “ง่ายดาย” ส่วนเรื่องการจับ “เสี่ยวจาง” จะมี “เบื้องหลัง” อื่นๆ อีกหรือไม่นั้น คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. เพราะ นอกจากเป็นการประสานงานจาก ผบช.ตำรวจ สันติบาล มาเลเซีย เพื่อให้ช่วย “จับกุม” อย่างที่ “บิ๊กโจ๊ก” ให้ “สัมภาษณ์” ผู้สื่อข่าวแล้ว อาจจะมี “ไฟเขียว” จากฝ่าย “การเมือง” ให้เป็นผู้ “จับกุม” ก็เป็นได้….
@วันนี้มีผู้ตั้งข้อ “สงสัย” ว่า หลังจาก “เสี่ยวจาง” กลายเป็น “ผู้ต้องหา” ทั้งเรื่อง “ฟอกเงิน” เรื่อง “แชร์ลูกโซ่” ฉ้อโกงประชาชนเป็นจำนวนมากแล้ว ทรัพย์สินในอาณาจักร “เอ็มบีไอ กรุ๊ป” จำนวน 14 บริษัท โรงแรม สวนสนุก ตลาด ศูนย์การค้า ในเนื้อที่เกือบ 100 ไร่ ที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา และที่อื่นๆ จะถูก “ยักย้าย” ถ่ายเท จาก “หุ้นส่วน” ที่เป็น “นอมินี” หรือไม่ เพราะหลังจาก “ตรวจสอบ” หลักฐานต่างๆ พบว่า อาณาจักร “เอ็มบีไอ กรุ๊ป” ของ “เสี่ยวจาง” มี “คนไทย” ที่เป็น “นอมินี” ถือหุ้นอยู่ 51% ซึ่งต้องตรวจสอบกันต่อไปว่า ผู้เป็น “นอมินี” คือใคร เพราะมีข่าวว่า เป็นคนใน “ตระกูล” ของ อดีตนายตำรวจระดับ “นายพล” คนหนึ่ง บทสรุปสุดคือ “นักการเมือง, ตำรวจ, ทหาร” คือผู้ที่ให้ความ “คุ้มครอง” ผู้เป็น “อาชญากร” หรือผู้ทำผิด “กฎหมาย” ให้อยู่อย่าง “ปลอดภัย” แต่บทสรุปสุดท้ายที่แท้จริงคือ เมื่อ “การเมือง” มีความ “ขัดแย้งกัน” ก็จะยืมมือผู้รักษา “กฎหมาย” มา “จัดการ” เพื่อ “ล้มล้าง” กันเอง “ไม่มีมิตรแท้” และ “ศัตรูถาวร” ในแวดวงการเมือง นี่คือ “สัจธรรม” ทางการเมือง ที่แท้จริง ….เรื่องของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ยังไม่จบ เรื่องเรือปลอมแปลงสัญชาติ ที่ “บิ๊กโจ๊ก” จับกุมและ “อายัด” ไว้ใน “คานเรือ” แห่งหนึ่งที่ จ.สงขลา หายไปและไปโผล่ที่ประเทศมาเลเซีย และถูก “จับกุม” ได้ แม้ว่า “ทางการ” มาเลเซีย จะส่งเรือคืนให้เพื่อให้ไทย ดำเนินคดีกับเรือทั้ง 5 ลำ ตามกฎหมายของ “ไอยูยู” แต่ “บุคคล” ที่นำเรือที่เป็น “ของกลาง” จากที่เก็บ “หลบหนี” ไปยัง “ประเทศมาเลเซีย” เป็นใคร นี่คือประเด็นสำคัญที่ต้อง “จับกุม” เพื่อดำเนินคดีตาม “กฎหมาย” ให้ได้….
@เอ้า เจ้าหน้าที่ ทั้ง “ตำรวจ” และ “ปกครอง” รวมทั้ง “บิ๊กโจ๊ก” ที่เคย “สอบสวน” เรื่อง “เรือนไทย 100” ที่ จ.ตรัง เมื่อ 2 เดือนก่อน กรณีที่มีการ “ไลฟ์สด” ว่าเป็น “บ่อนการพนัน” กลางเมืองตรัง จะว่าอย่างไร เมื่อวันนี้ “จำนงค์ นาวาแก้ว” หรือ “กำนันนง” ถูกออก “หมายจับ” ในข้อหา ร่วมกันจ้างวานฆ่า “นายบ่อนหญิง” ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ถ้า “กำนันนง” ไม่มีการทำธุรกิจ “บ่อนการพนัน” และจะไม่เกี่ยวข้องกับ “นายบ่อนหญิง” ที่ จ.สุราษฎร์ธานี อย่างไร และ “บ่อนการพนัน” 5 แห่ง ใน จ.ตรัง ที่ยังเปิดให้เล่นการพนันอยู่ในขณะนี้ เป็นของใคร พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง และ ขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง อย่าลืมไป “หาข่าว” และ “จับกุม” ด้วยนะ ชาวบ้านเขารอดูผลงานอยู่….
@ก็เห็นด้วยกับเรื่องของ “กัญชา” ที่ถูก “ปลดล็อก” เพื่อใช้เป็น “ยารักษาโรค” ในทางการแพทย์ แต่ไม่เห็นด้วยนะ ที่ “ปลดล็อก” โดยไม่มีการออก “กฎหมาย” มาควบคุม โดยปล่อยให้กลายเป็นการใช้ “กัญชา” อย่าง “เสรีภาพ” อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ก็พบเห็นถึง “ผลเสีย” กับ “สังคม” และกับ “เศรษฐกิจการท่องเที่ยว”…ปัญหา “สังคม” คือ วันนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ เดินไปทางไหน เจอแต่คนขาย “กัญชา” และคน “สูบกัญชา” นั่นนะมันคือการ “เสพยาเสพติด” เพียงแต่ “กฎหมาย” เอาผิดไม่ได้ เพราะ “กัญชา” ถูกปลดออกจากการเป็น “พืชเสพติด” แล้ว แต่คนที่ “เสพกัญชา” ก็คือคนที่ “เสพ” ยาเสพติด เพียงแต่ไม่ผิด “กฎหมาย” เท่านั้น แต่ “พิษภัย” ของ “กัญชา” ที่เป็นยาเสพติดยังคงเหมือนเดิม “เสพมาก” ก็เพื้ยนมาก เช่น หวาดกลัว เกียจคร้าน อาจจะไม่ทำร้ายใคร เหมือน “ยาบ้า” แต่ก็กลายเป็นคนที่ “ไม่เอาการเอางาน” สร้างความเดือดร้อนกับครอบครัว ไม่ทำให้ “บ้านเมือง” เจริญขึ้น…และวันนี้ ประเทศมาเลเซีย ที่เป็น “เพื่อนบ้าน” ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในภาคใต้มากที่สุด ก็ได้ออกมาเตือนให้ชาวมาเลเซีย ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ให้ระวังอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอื่นๆ ที่อาจจะมี “กัญชา” เป็น “ส่วนผสม” ถ้ากลับเข้ามาเลเซีย แล้ว ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบ “สารเสพติด” อาจจะถูกดำเนินคดีตาม “กฎหมาย” นี่คือผลเสียทาง “เศรษฐกิจ” ที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขาดความ “รอบคอบ” ในการ “บริหารประเทศ” ตกเป็น “เบี้ยล่าง” ของ “พรรคการเมือง” และ “นักการเมือง” ที่คิดแต่เรื่อง “ผลประโยชน์” ทาง “การเมือง” จนสร้างความ “เสียหาย” เป็นวงกว้าง ก็ไม่ว่ากัน เมื่อ “ผิดพลาด” ก็ต้อง “ยอมรับ” และเร่งแก้ไข ด้วยการออก “กฎหมาย” ให้การใช้ “กัญชา” อยู่ใน “กรอบ” และ “กติกา” เพื่ออย่าให้เป็นการทำร้าย “สังคม” และทำลาย “เศรษฐกิจการท่องเที่ยว” ที่เป็นรายได้หลักของประเทศ…โดยเฉพาะคนที่ “ใกล้ชิด” ที่ “แวดล้อม” รอบตัว “พล.อ.ประยุทธ์” จะต้องบอกให้รู้ถึง “ข้อเท็จจริง” ของ “วิกฤติ” ของ “บ้านเมือง” ที่เกิดจากเรื่อง “กัญชาเสรี” ถ้าเห็นกับประเทศชาติ ต้องกล้าที่จะ “พูดความจริง” ถ้าวันนี้ “คนแวดล้อม” นายกรัฐมนตรี ยังอยู่แบบเดิมๆคือ “ดีครับนาย, ได้ครับผม, เหมาะสมครับท่าน” ระวัง ประเทศจะไปสู่จุดแห่ง “หายนะ” เร็วขึ้น….
@เรื่อง “กัญชาเสรี” สำหรับพรรคภูมิใจไทย ที่มี อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีสาธารณสุข เป็นหัวหน้าพรรค อาจจะไม่ส่งผล “สะท้านสะเทือน” ในภาคอื่นๆ แต่กับสนามการเลือกตั้งใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีปัญหาแน่นอน และเป็น “ปัญหาใหญ่” ที่อาจจะ “ดับฝัน” การ “รุกคืบ” เพื่อ “ปักธง” ในพื้นที่แห่งนี้ เพราะ “แรงต้าน” จากผู้นำ “ศาสนา” และ “ประชาชน” ที่เป็น “มุสลิม” ที่รุนแรงแบบไม่เคยเกิดขึ้น แม้แต่ ส.ส.ในพื้นที่ ต่าง “รับรู้” ถึง “อาฟเตอร์ช็อก” ที่เกิดขึ้น จากความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ต้านนโยบาย “กัญชาเสรี” ซึ่ง “สังเกตได้จากนักการเมืองสุภาพสตรี” ที่เป็น “น้ำดี” เพียงหนึ่งเดียวของ จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าง “พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ก็ไม่กล้าที่จะตอบคำถามของประชาชนถึงเรื่อง “กัญชาเสรี” การเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้า “หมอเพชรดาว” ลงสมัครในเขตเลือกตั้ง ใน จ.ปัตตานี ตามที่เป็นข่าว เชื่อว่า “สายเลือด” ทาง “การเมือง” เพียง “หนึ่งเดียวของตระกูล” โต๊ะมีนา จะ “สูญพันธุ์” เพราะฉะนั้น ถ้าพรรคภูมิใจไทย ยังต้องการ ส.ส.ที่มีคุณภาพอย่าง “หมอเพชรดาว” ไปประดับพรรค จะต้องให้ “หมอเพชรดาว” อยู่ใน “ปาร์ตี้ลิสต์” ลำดับต้นๆ เท่านั้น….แต่เรื่อง “กัญชาเสรี” ก็เป็นผลดีกับพรรคประชาชาติ ที่มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าพรรค และมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นเลขาธิการพรรค เพราะเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว ที่พบปะประชาชน และทำกิจกรรมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นพรรค “ฝ่ายค้าน” ที่ไม่สามารถ “เนรมิต” โครงการต่างๆ ลงในพื้นที่ก็จริง แต่การลงพื้นที่อย่าง “เกาะติด” และการใช้นโยบาย “พหุวัฒนธรรม” ในพื้นที่ อาจจะทำให้ได้ “ผู้แทน” เพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า….
@มีการ “ถามไถ่” จากประชาชนใน จ.สงขลา ถึงความคืบหน้า คดีบุกรุก “ขุดดิน” ในโบราณสถาน “เขาแดง, เขาน้อย” อ.สิงหนคร จ.สงขลา ว่า คดีไปถึงไหนแล้ว ก็ตอบให้ทราบว่า พ.ต.อ.เสวี วุ่นหนู ผกก.สภ.สิงหนคร จ.สงขลา เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ได้สรุป “สำนวนคดีส่งให้กับพนักงาน” อัยการจังหวัด เป็นที่เรียบร้อยส่วน “อัยการ” จะส่งฟ้องศาลเมื่อไหร่ โปรดติดตาม เพราะเชื่อว่าคดีนี้ไม่มีเรื่อง “มวยล้มต้มคนดู” และเรื่องสำคัญต่อไปนี้ที่ พงศ์ธันศ์ สำเภาเงิน ผอ.ศิลปากรที่ 11 จ.สงขลา ต้องเร่งดำเนินการคือการหางบประมาณ เพื่อ “บูรณะ” โบราณสถาน ที่ถูก “ทำลาย” เพื่ออย่าให้เสียหายมากไปกว่านี้….นี่ก็เรื่องของ “ชาวบ้าน” มีการแจ้งให้ทราบว่า ที่ ซอย 4-6 เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา มีการ “ลักลอบ” เล่นการ “พนัน” ลูกค้ามีทั้ง “คนไทย” และคน “มาเลเซีย” เข้า-ออก กันทั้ง กลางวัน-กลางคืน มีคน “มีสี” ทำหน้าที่ เป็น “นายทวาร” เฝ้า “หัวซอย-ท้ายซอย” เพื่อป้องกัน “หน่วยอื่น” เข้ามา “จับกุม” และมีการแจ้งต่อว่า ในโรงแรมหลายแห่ง มีการตั้ง “ตู้เกม” ที่ผิด “กฎหมาย” ให้ผู้ที่ “พิสมัย” เรื่องการพนัน เล่นกันอย่าง “โจ๋งครึ่ม” ก็ฝากถึง พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา ตรวจสอบด้วยว่าเท็จจริงประการใด….ส่วนที่ จ.สตูล มีผู้แจ้งมาเหมือนกันว่า ถนนสาย ควนโดน-วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล มี รถบรรทุกสินค้าหลบหนีภาษี วิ่งกันสะเทือนเลื่อนลั่น สินค้าหลบหนีภาษีที่ “นายทุน” นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ที่สำคัญคือ “เนื้อโค” และ “หัวหอม หัวกระเทียม น้ำมันปาล์ม” วิธีการคือ นำเอาสินค้าจำพวก “ขนมนมเนย” นำมาเพื่อเสียภาษี “ปากระวาง” กับ “ศุลกากร” แต่ “เนื้อใน” ของสินค้าในรถบรรทุก เป็นสินค้าห้าม “นำเข้า” เช่น “เนื้อ, น้ำมันปาล์ม” และ “หัวหอม หัวกระเทียม” ด่านไม่ได้ “โง่เง่าเต่าตุ่น” ที่จะไม่รู้ทัน วิธีการของ “นายทุน” แต่มี “ปัจจัย” อื่นๆ ที่ทำให้มองไม่เห็นสินค้าที่เป็น “เนื้อใน” ที่ “นายทุน” ซุกซ่อน นำเข้ามา…แต่ที่แปลกคือ ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ ผบก.ภ.จว.สตูล และหน่วยงานอื่นๆ กลับเป็นพวก “ตาบอดสี” ไปด้วย นี้เป็นเรื่อง “มหัศจรรย์” ของข้าราชการเมืองชายแดนแห่งนี้….
@เรื่อง ส.ท. “กร่าง” ที่ “ลุแก่อำนาจ” ตบ “กล้อง” และใช้วาจา “คุกคามข่มขู่” ผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าวการแข่งรถจักรยานยนต์ที่สวนสาธารณะ “กระพังสุรินทร์” ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครตรัง จนเป็นเหตุ “รถแข่ง” พุ่งชนคนตายและบาดเจ็บ เรื่องนี้ผ่านไปแล้วเกือบเดือน แต่ สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศบาลนครตรัง “ไม่หือไม่อือ” ที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ไม่ว่ากัน เมื่อไม่แก้ปัญหาด้วย “สันติวิธี” ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของ “กฎหมาย” เพื่อให้เรื่องทั้งหมดไปจบที่กระบวนการ “ยุติธรรม” ก็แล้วกัน….นี่ก็เป็นเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้านจาก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ถึงเรื่องการระบาดของ “ยาเสพติด” โดยเฉพาะในเขตเทศบาล ที่มีการ “ซื้อ-ขาย” กันเหมือนกับเป็นสิ่งของที่ถูกต้องตาม “กฎหมาย” ก็ฝากถึง พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเต๊ะ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ให้ “สายตรวจ” และฝ่าย “ปราบปราม” ดำเนินการเพื่อ “คลายทุกข์” ของประชาชนด้วย….
@มาดูข่าวดีกันบ้าง “ตลาดน้ำคลองแห” อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จะมีการเปิดอย่างเป็น “ทางการ” หลังจากที่ปิดไปนานร่วม 2 ปี จากการระบาดของ “โควิด-19” ก็หวังว่าตลาดน้ำ “คลองแห” จะเป็นที่เที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และชาวไทย เพื่อช่วยให้ “เศรษฐกิจ” และ “ปากท้อง” ของคนในพื้นที่ อยู่ดี มีเงินใช้ หลังจากที่ “ซบเซา” มานาน….นี่ก็เป็น “ข่าวดี” สำหรับ เกษตรกรชาวสวนทุเรียน ใน จ.ยะลา, นราธิวาส และพื้นใกล้เคียง เพราะราคาทุเรียนปีนี้ สูงถึงกิโลกรัมละ 120 บาท ดีกว่าปีก่อนๆ ที่ มีเรื่อง “โควิด-19” เป็น “อุปสรรค” ทำให้ “ทหาร” ต้องไปซื้อทุเรียนจากเกษตรกรมาแจกให้กับประชาชน และเชื่อว่า หลังจากหมดผลผลิตของทุเรียน “ลองกอง” ผลไม้ประจำถิ่นของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะออกสู่ตลาด ปีนี้ราคาอาจจะดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะผลผลิตน้อย และมีการเตรียมการจากผู้เกี่ยวข้องเป็นการรองรับดีพอสมควร ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี ที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยการนำของ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ที่ไม่ต้องเป็น “ภาระ” ในการแก้ปัญหา ผลผลิตตกต่ำเหมือนทุกๆ ปี….
@องค์กรบริหารส่วนตำบลหลายแห่ง ในจังหวัดปัตตานี เช่น อบต. ท่าเรือ อบต.โคกโพธิ์ และอื่นๆ ต่างมีปัญหาที่มาจากการที่ “ข้าราชการประจำ” กับ “ทีมของผู้บริหาร” ที่เป็น “นายกคนใหม่” เพราะยังมี ข้าราชการ ลูกจ้าง ที่ยังยึดติดอยู่กับ “ผู้บริหารชุดเก่า” ที่แพ้การเลือกตั้ง ปัญหาความไม่ “ลงรอย” ความ “ขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้นมีการร้องเรียนไปยัง ท้องถิ่นอำเภอ และนายอำเภอ แต่ไม่ได้รับการแก้ปัญหา มีการ “ลอยตัว” อยู่เหนือปัญหา เพราะไม่ต้องการ “เปลืองตัว” กับเรื่องของ “การเมือง” ก็ฝากให้ เพิ่ม เพชรพรหม ท้องถิ่นจังหวัด “ติวเข้ม” กับขบวนการแก้ปัญหาของท้องถิ่น เพราะความ “ขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้นทำให้การ “พัฒนา” ท้องถิ่น “ล่าช้า” เสียหายกับประชาชน …เรื่องการแก้ไขปัญหา “สิ่งแวดล้อม” ตามสโลแกน “ทวงคืนเอกราชสิ่งแวดล้อม” ของนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.เขต 5 สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องดีมากๆ แต่ให้ระวัง “กลุ่มคน” บางกลุ่ม ที่ “สร้างเรื่อง” เพื่อ แสวงหาประโยชน์กับ “โรงงาน” ที่เขาไม่มีความผิด เพื่อ “ตบทรัพย์” เรื่องนี้ “นายกชาย” ต้องระวังด้วย….แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้าครับ
—————————————————————-
ไชยยงค์ มณีพิลึก
ถวายพระพร. ดร.ธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 พร้อมด้วยผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ร่วมบันทึกเทปถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2565 ณ ห้องส่งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดสงขลา
อบรมหลักสูตร. พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตร “พัฒนานักบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” จำนวน 166 คน ณ โรงแรมคริสตัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ตรวจเยี่ยม. พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล หรือ ชคต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งพบปะ สอบถามปัญหา ข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน รวมถึงสถานการณ์ในพื้นที่ พร้อมมอบนโยบายข้อสั่งการในมาตรการความปลอดภัยของกำลังพล การปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่อีกด้วย
ให้กำลังใจ. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เดินทางลงพื้นที่ทางลอดใต้สะพานดำ ถนนริมสันเขื่อน เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เพื่อมาให้กำลังใจและเยี่ยมชมผลงานของนักศึกษาสาขาวิชาทัศนศิลป์และการออกแบบ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และกลุ่มศิลปินชายแดนใต้ เพื่อสร้างบรรยากาศ สร้างเสน่ห์ให้เมืองยะลา ต้อนรับนักกีฬาจากทั่วประเทศและในพื้นที่ ที่จะมาร่วมงานยะลามาราธอน 2022 จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2565 ที่จะถึงนี้
มอบที่ทำกิน. นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบสมุดประจำตัวแก่ ประชาชน ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขารือเสาะ, ยี่งอ และ บาเจาะ จ.นราธิวาส ณ โรงเรียนรือเสาะชนูปถัมภ์ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยมีสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส ร่วมด้วย
ติดตามประเมิน. รุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รองปลัด อบจ.ยะลา พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ติดตามตรวจเยี่ยมและประเมินผลการช่วยเหลือ นักเรียน ที่ประสบปัญหาวิกฤติทางการศึกษา ณ โรงเรียนพัฒนาวิทยากร ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา
เยี่ยมให้กำลังใจ. โอราฬ บิลสัน นอภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี นำผู้นำท้องที่ ต.มะนังยง และทีมงาน CBTX เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ พล.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งพักรักษาอาการบาดเจ็บ ณ รพ.ม.อ.หาดใหญ่ ลงนามในสมุดเยี่ยมและมอบแจกันดอกไม้โดยมีตัวแทนแม่ทัพเป็นผู้รับมอบ
แข่งออฟโรด. นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธานเปิดการแข่งขันรถยนต์ออฟโรด ใน ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งจัดโดยเทศบาลตำบลลำไพลและองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
พหุวัฒนธรรม. พ.อ.ก่อเกียรติ เข็มแดง รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส เป็นประธานในกิจกรรม “พหุวัฒนธรรม สานสัมพันธ์ไทยพุทธ-มุสลิม” โดยมีพระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 รุ่งเรือง ธิมาบุตร ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมในพิธี ณ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 89 บ้านโคกสยา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
เปิดสำนักงาน. พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า/รองแม่ทัพน้อยที่ 4 เป็นตัวแทน ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ร่วมเปิดสำนักงาน คณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติภาคใต้ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และร่วมเป็นวิทยากรอภิปราย “สิทธิมนุษย์ชนการพัฒนาเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนฯ”
สมรัก-สมรส. งานมงคลสมรสบุตรสาว ตนกูอายุบ เบ็ญตนกูอับดุลฮามิด (พ.อ.ยุทธพงษ์ พิพิธภักดี) ณ วังยะหริ่ง ต.ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี โดยพระอนุชาองค์สุลต่านรัฐกลันตัน มาเลเซีย องค์ปัจจุบัน ทรงเสด็จมาเป็นองค์ประธาน และได้ฉายพระรูปกับเครือญาติที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง นำความปลื้มปิติยินดีแก่เครือญาติ และแขกผู้มีเกียรติเป็นอย่างยิ่ง
สองวัฒนธรรมล้ำค่า. เชิดเกียรติ เมธีลักษณ์ ที่ปรึกษานายก อบจ.สงขลา รับมอบหมายจาก นายก อบจ. เป็นประธานเปิดงาน บ้านโหนดสองวัฒนธรรมล้ำค่า ณ โรงเรียนชุมชนบ้านนากัน ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เพื่อส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของท้องถิ่น
ประธานป้ายแดง. สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.ตรัง จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 มีกำนันผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการสมาคมฯ เข้าร่วมเนื่องจากนายกคนเก่าได้หมดวาระไป ในที่ประชุม ได้เลือกนายประดิษฐ์ สุขเสน ประธานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอวังวิเศษ เป็นนายกสมาคมฯ คนใหม่ ด้วยเสียงเป็นเอกฉันท์
กีฬาเป็นยาวิเศษ. สุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งกีฬา-กรีฑานักเรียน ประจำปี 2565 ในศูนย์เครือข่ายการศึกษาท่าหิน บ่อดาน บ่อแดง วัดจันทร์ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ณ สนามโรงเรียนบ้านบ่อประดู่ ต.วัดจันทร์ อ.สทิงพระ จ.สงขลา
ชมแหล่งท่องเที่ยว. กษิดิศ อาชวคุณ สมาชิกวุฒิสภา จ.ยะลา และคณะ ลงพื้นที่ เยี่ยมชมจุดล่องแก่ง ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ใน ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา ซึ่งมีทั้งแหล่งน้ำ และสวนผลไม้ที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมให้เป็นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ในอนาคต
เปิดมหกรรมกีฬา. โยธิน ทองเนื้อแข็ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เขตอำเภอกระแสสินธุ์ ร่วมพิธีเปิดมหกรรมกีฬาอำเภอกระแสสินธุ์ ประจำปี 2565 จัดโดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ร่วมกับ ศูนย์เครือข่ายการศึกษากระแสสินธุ์ ณ สนามกีฬากลางอำเภอกระแสสินธุ์ ระหว่างวันที่ 26-29 กรกฎาคม 2565
เปลี่ยนขยะเป็นพลัง. ประยุท ปานประดิษฐ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัดขนุน อ.สทิงพระ จ.สงขลา เข้าร่วมกิจกรรมทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล (เปลี่ยนขยะจากภาระ เป็นพลังในการสร้างสังคม) เพื่อสมทบทุนในการพัฒนาโรงเรียนในเขตตำบลรำแดง ณ อาคารอเนกประสงค์ หมู่ที่ 3 ต.รำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา