วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2025
  • Login
ปัตตานี
  • ปัตตานี
  • ข่าว
  • กิจกรรม
  • หางาน
  • ธุรกิจ
  • ร้านค้า
  • วิถีชีวิต
    • คนสำคัญ
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • สถานศึกษา
  • ผู้สนับสนุนเว็บ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
  • ปัตตานี
  • ข่าว
  • กิจกรรม
  • หางาน
  • ธุรกิจ
  • ร้านค้า
  • วิถีชีวิต
    • คนสำคัญ
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • สถานศึกษา
  • ผู้สนับสนุนเว็บ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
ปัตตานี
No Result
View All Result
Home ข่าว

ศบค.ยัน โอมิครอนกลายพันธุ์ BA.2 ยังไม่อันตราย จี้ฉีดเข็มกระตุ้น

ปัตตานี by ปัตตานี
4 ปี ago
in ข่าว
Reading Time: 1min read
158
0
100
SHARES
199
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterSent to LINE friend

ศบค.ยัน โอมิครอนกลายพันธุ์ BA.2 ยังไม่อันตราย จี้ฉีดเข็มกระตุ้น ชี้คลัสเตอร์น.ร.ปัจจัยเสี่ยงเกิดจากการร่วมกลุ่ม แข่งกีฬา กินไอศกรีมถ้วยเดียวกัน

เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เปิดผยว่า ที่ผ่านมาหลายคนอาจมีความตื่นตระหนกกับเชื้อโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอน BA.2 เวอร์ชั่นล่องหน ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกมาเน้นย้ำว่า ยังไม่มีรายงานชัดเจนที่น่าเป็นห่วง

ขณะที่สธ. ติดตามสถานการณ์โลกและตรวจผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด แม้จะพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน BA.2 เกิน 14 ราย แต่เบื้องต้นยังไม่พบความแตกต่างทางพันธุ์กรรมจากโอมิครอนเดิม แม้จะมีรายงานจากต่างประเทศว่าอาจจะทำให้มีการตรวจหาเชื้อได้ยาก แต่ทางสธ.รายงานว่ายังคงสามารถตรวจสายพันธุ์โอมิครอน BA.2 ได้ทั้งการใช้ ATK และ RT-PCR สิ่งสำคัญคือ ไม่มีรายงานความรุนแรงมากไปกว่าโอมิครอนเดิม โดยจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า สำหรับรายงานผู้ติดเชื้อ ยืนยันการตรวจ RT-PCR 8,450 ราย ถ้ารวม ATK จะไม่เกิน 1 หมื่นรายต่อวัน เสียชีวิต 28 ราย รักษาอยู่ในระบบอาการหนัก 528 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 102 ราย ทั้งนี้สำหรับผู้เสียชีวิต วันนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคอีสาน ที่น่าสนใจใน 28 ราย พบว่า 15 รายไม่มีประวัติได้รับวัคซีน ได้รับเข็ม 1 และเสียชีวิตจำนวน 3 ราย ได้รับวัควีน 2 เข็ม แต่ไม่เกิน 6 เดือน 10 ราย โดยทางกรมควบคุมโรคเน้นให้เข้ารับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อให้สามารถป้องกันโอมิครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ส่วนการให้บริการวัคซีนทั่วประเทศ ณ วันที่ 27 มกราคม ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็ม 3 จำนวน 339,217 ราย คิดเป็น 19.3% ถือว่ายังน้อย อย่างไรก็ตามมีประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก โดยเฉพาะใน 7 จังหวัดที่ประชาชนได้รับวัคซีนไม่เกิน 60 % ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส แม่ฮ่องสอน ตาก ลพบุรี ราชบุรี รวมทั้งกาญจนบุรี ซึ่งถือเป็นจังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคเรื้อรัง” พญ.อภิสมัย กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ยังมี 10 จังหวัดที่ได้รับเข็ม 2 ในกลุ่มเสี่ยง ตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส แม่ฮ่องสอน สระแก้ว นครสวรรค์ ลพบุรี ยะลา นนทบุรี พิษณุโลก สมุทรสงคราม ดังนั้นขอความร่วมมือชุมชนร่วมกันรณรงค์รับวัคซีน

สำหรับการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ วันที่ 27 มกราคม ได้รับการฉีดวัคซีน 84,568 โดส รวมสะสม 21,444,651 โดส ถ้าคิดเฉพาะเข็ม 3 เพียง 3 ล้านกว่าโดส ดังนั้นยังต้องช่วยกันเข้ารับเข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันโอมิครอน โดยกรุงเทพฯ มีจุดฉีดวัคซีนจำนวนมาก แต่ถ้ามีผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียงทางกรุงเทพฯ ขอความร่วมมือติดต่อไปที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง รวมถึงสำนักงานเขต จะมีการให้บริการหน่วยเชิงรุก CCRT ให้บริหารฉีดวัคซีนถึงบ้าน

ฝากทุกจังหวัดถ้าประชาชนมีความลำบากในการเดินทางไปฉีดวัคซีนขอให้ศบค. จังหวัดช่วยวิเคราะห์พื้นที่และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ที่สำคัญวัคซีนเด็กมาถึงแล้วเมื่อวันที่ 27 มกราคม ภายในสัปดาห์หน้าสธ. จะกำหนดฉีดวัคซีนเด็กด้วย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนคลัสเตอร์สถานศึกษามีการระบาดหลายจังหวัด ดังนี้ จ.ราชบุรี น่าน เพชรบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ หนองคาย เลย ยโสธร และศรีสะเกศ โรงเรียนที่พบการติดเชื้อมีตั้งแต่โรงเรียนรัฐและเอกชน โรงเรียนที่เปิดสอนก่อนอนุบาล โรงเรียนประจำ โรงเรียนกีฬา โรงเรียนมัธยม ซึ่งแต่ละโรงเรียนที่พบรายงานการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนนั้น เบื้องต้นพบว่าโรงเรียนมีการกำหนดมาตรการที่เข็มงวดพอสมควร มีบุคลากรที่ฉีดวัคซีนครบถ้วน แต่ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ มักจะมาจากจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม เช่น การจัดแข่งกีฬา การจัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ มีการรับประทานอาหารร่วมกัน มีการใช้ที่ตักไอศกรีม และใช้ถ้วยเดียวกัน เป็นต้น ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับการแพร่ระบาดในพิธีศพ พิธีการทางศาสนา

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีการวิเคราะห์กรณีการแพร่ระบาดของโรงเรียนหญิงล้วน ในจ.ราชบุรี ที่มีรายงานผู้ติดเชื้อ 311 ราย โดยโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำ อนุญาตให้เด็กกลับบ้านในช่วงปีใหม่ เมื่อเด็กจำนวน 500 กว่าคน กลับมาจากสถานที่แตกต่างกัน โรงเรียนได้จัดให้มีการตรวจ ATK ตั้งแต่วันที่นักเรียนเดินทางกลับมา พบการตรวจเป็นลบทั้งหมด แต่เมื่อมีการตรวจ ATK เป็นครั้งที่ 2 พบว่ามีผลเป็นบวกครั้งแรก 120 ราย ซึ่งโรงเรียนปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินอย่างถูกต้อง คือแจ้งไปยังสาธารณสุขจังหวัด โดยโรงพยาบาล และทีมควบคุมโรคลงไปให้ความช่วยเหลือ มีการแยกกักผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง มีการเรียกตรวจ RT-PCR โดยพบรายงานผลเป็นบวกถึง 311 ราย จากจำนวนนักเรียนและครู 567 ราย ซึ่ง ขณะนี้มี นักเรียนเข้ารับการรักษาแล้ว 26 รายที่โรงพยาบาล และอีก 285 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนามแล้ว เบื้องต้นโรงเรียนได้ทำการปิดทำความสะอาด สอบสวนโรคแล้ว

“มีคำถามว่าการตรวจ ATK มีความแม่นยำเพียงพอหรือไม่ ต้องเน้นย้ำว่าการตรวจ ATK มีความสำคัญ แต่ต้องพึงระวังด้วยว่าสามารถเกิดผลลบลวง ประมาณ 5-7% หมายความว่าผู้ป่วยเป็นผู้ติดเชื้อ มีเชื้อในร่างกายแต่การตรวจด้วย ATK ยังไม่ไวพอ ทำให้ผลตรวจออกมาเป็นลบ ทาง สธ.แนะนำว่าแม้ว่าจะตรวจ ATK เป็นลบ ระหว่างที่ตรวจสอบประวัติพบว่าเดินทางมาจากหลากพื้นที่ มีการร่วมกลุ่มคนจำนวนมาก มีประวัติอยู่ใกล้ พูดคุยกับผู้ติดเชื้อมาก่อน ขอให้กักตัว และกรณีที่ตรวจ ATK เป็นบวก เป็นผู้ติดเชื้อเข้าข่าย ขอให้กักตัวเป็นเวลา 7 วัน” พญ.อภิสมัย กล่าว

รองโฆษก ศบค. กล่าวต่อว่า แนวทางการจัดการสำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อโควิด -19 (ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายและยืนยัน) มีดังนี้ ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง ให้กักตัวที่บ้านเป็นเวลา 7 วัน ตรวจสอบอาการทุกวัน ให้ตรวจ ATK ครั้งที่ 1 ในวันที่ 5-6 หลังสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อครั้งสุดท้าย พร้อมกับสังเกตุอาหารตนเอง 3 วัน ตรวจ ATK ครั้งที่ 2 วันที่ 10 หลังมีการใกล้ชิดผู้ติดเชื้อครั้งสุดท้าย ทั้งนี้เมื่อพบการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์จำนวนมาก จนทำให้ผู้ปกครองลังเล ไม่มั่นใจให้ลูกหลานไปโรงเรียน ทาง สธ.และที่ประชุม ศปก.ศบค. มีความเป็นห่วง เน้นย้ำว่าเรายังต้องอยู่ร่วมกับโควิดอีกระยะหนึ่ง แม้ว่าทิศทางนโยบายขององค์การอนามัยโลกก็ให้มีมาตรการที่ต้องอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ อีกทั้ง ศบค.ชุดใหญ่มีแนวโน้มผ่อนคายมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าความเสี่ยงจะลดลง ความเสี่ยงยังคงมี แต่เราจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้พี่น้องประชาชนสามารถดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติได้มากที่สุด

“กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และผู้อำนวยการ ศปก.ศบค. มีความเป็นห่วงและหารือร่วมกันอย่างเร่งด่วน เร่งกำกับติดตามมาตราการสถานศึกษาปลอดโควิด ซึ่งมาตรการมีอยู่แล้ว คือ มาตรการ 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตรการเข้มงวด แต่คงต้องเข้มงวด กำกับใช้ชัดเจน ให้สถานศึกษางดการทำกิจกรรมร่วมกลุ่มไว้ก่อน และขอให้โรงเรียน ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) สาธารณสุขจังหวัด เข้าไปกำกับดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้เด็กกลับเข้าโรงเรียนต่อไปได้ “รองโฆษกศบค. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านระบบ Test & Go ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นการเริ่มลงทะเบียน หรือเริ่มให้นักท่องเที่ยวเดินทางมา และรัฐบาลมีการเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อย่างไร พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า วันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะเปิดอนุญาตให้ลงทะเบียน โดยจะมีการประเมิน ตรวจสอบคุณสมบัติ และประเมินต้องมีความเข้มงวด โดยกรมควบคุมโรคจะตรวจสอบหลักฐานการฉีดวัคซีน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะร่วมกับโรงแรม สถานประกอบการ ตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวมีการชำระค่าที่พักหรือไม่ และที่พักนั้นผ่านมาตรฐาน SHA++ หรือไม่ การตรวจสอบจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวก็จะสามารถเดินทางเข้ามาได้ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เมื่อพบว่านักท่องเที่ยวติดเชื้อจะมีประกันคุ้มครอง ครอบคลุมการรักษา ซึ่งจะไม่เป็นภาระกับระบบสาธารณสุขของประเทศ ทั้งนี้ขอฝากพี่น้องประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา หากเห็นนักท่องเที่ยวไปปฏิบัติตามกฎ ไม่สวมหน้ากากอนามัย พบสถานบริการทำผิด หละหลวมมาตรการ สามารถเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญเพื่อให้ตนและครอบครัวปลอดภัยได้

Tags: newsข่าวจังหวัดปัตตานี
Previous Post

พาณิชย์-ตร.ร่วมตรวจสต๊อกโรงสกัด-โรงกลั่นปาล์มน้ำมันหวั่นกักตุนช่วงของแพง

Next Post

เตรียมปรับค่าแรงขั้นต่ำ 2565 ก.แรงงาน ยัน ปรับขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่ฟันธง 492 บาท

ปัตตานี

ปัตตานี

เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขแดนใต้

Related Posts

ข่าว

ม.อ.เผยผลวิจัย พบ.ผู้ป่วยปอดบวมจากโควิด เสี่ยงติดวัณโรคมากกว่าคนทั่วไป 7 เท่า

กุมภาพันธ์ 1, 2023
'สมชัย'-สงสัย-กกต.-แบ่งเขตเลือกตั้งผิด?-หลังเอาจำนวน-ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณ
ข่าว

'สมชัย' สงสัย กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งผิด? หลังเอาจำนวน ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณ

มกราคม 31, 2023
ข่าว

ผู้ว่าหญิงปัตตานี นำทีมปั่นจักรยานแนะนำแหล่งท่องเที่ยว

มกราคม 29, 2023
ข่าว

อุตุฯเตือนดูแลสุขภาพอากาศหนาวเย็นลง

มกราคม 29, 2023
“นิพนธ์”เดินหน้าทำชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร-|-เดลินิวส์
ข่าว

“นิพนธ์”เดินหน้าทำชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร | เดลินิวส์

มกราคม 26, 2023
ข่าว

‘

มกราคม 26, 2023
Next Post

เตรียมปรับค่าแรงขั้นต่ำ 2565 ก.แรงงาน ยัน ปรับขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่ฟันธง 492 บาท

บทความ แนะนำ

No Content Available

หมวดบทความ

การก่อสร้าง การขนถ่ายสินค้า การขุด หรือเจาะบ่อน้ำ การค้าวัสดุก่อสร้าง การฆ่าสัตว์ การผลิต การบรรจุก๊าซ การผลิตน้ำมันพืช การผลิตน้ำแข็ง การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การผลิตรองเท้า การผลิตเส้นไหม การรีดโลหะ ผลิตเหล็ก การหล่อหลอม การกลึงโลหะ การเลี้ยงสัตว์ กิจกรรม ข่าว ตรวจหวย ธุรกิจ บริการซัก อบ รีด บริษัท ปัตตานี มูลนิธิ ร้านค้า วิถีชีวิต สถานที่ท่องเที่ยว สถานศึกษา สพป.ปัตตานี เขต 1 สพป.ปัตตานี เขต 2 สพป.ปัตตานี เขต 3 สพม.เขต 15 สมาคม สำนักงานจัดการเดินทาง หน่วยงานราชการ อบต. อาหาร เอสเอ็มอี แฟรนไชส์ โรงงาน โรงพยาบาล บริการสุขภาพ โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนศิลปะและกีฬา โรงเรียนสอนวิชาชีพ โรงเรียนสอนศาสนา โรงเรียนสามัญ โอทอป

เกี่ยวกับเรา ปัตตานี



เป็นศูนย์รวมในการนำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในจังหวัด และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะและ ให้คำแนะนำเพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิก อีกทั้งยังเผยแพร่ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ต่าง ๆ อีกด้วย

Unable to open file!